'ปรีดิยาธร'แนะดึงผู้เชี่ยวชาญ แก้ราคาสินค้าเกษตรดันศก.โต

'ปรีดิยาธร'แนะดึงผู้เชี่ยวชาญ แก้ราคาสินค้าเกษตรดันศก.โต

อดีตรองนายกฯ "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร" แนะดึงผู้เชี่ยวชาญ แก้ราคาสินค้าเกษตรดันเศรษฐกิจโต

วานนี้ (2 ม.ค.) เฟซบุ๊ค สุทธิชัย ไลฟ์ (Suthichai Live) โดยสุทธิชัย หยุ่น สัมภาษณ์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจปีจอ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร แสดงความเป็นห่วงในเรื่อง “ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ” โดยเสนอแนะให้รัฐบาลชุดนี้ที่เหลือเวลาการทำงานอยู่ไม่ถึง 1 ปีก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปลายปี 2561 เร่งแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ด้วยการดึง“ผู้เชี่ยวชาญ” มาให้คำแนะนำอย่างเป็นรูปธรรม โดยระบุด้วยว่าหากสามารถแก้ปัญหานี้ได้ จะทำให้เศรษฐกิจปี 2561 ไปฉิว

เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ ชัดเจนว่าทยอยฟื้นตัวกลับมา ทั้งการลงทุนในโรงงานเดิม และการลงทุนจากโรงงานใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงงานใหม่ ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่รัฐบาลให้การส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่ปี 2558-2559 พบว่า มีการขอส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กว่า 1,500 โรงงาน

ในจำนวนนี้ประเมินว่าจะเกิดการลงทุนจริง 75%โรงงานเหล่านี้จะทยอยแล้วเสร็จในปีนี้ หากกำลังซื้อของโลกเพิ่มขึ้น จะทำให้การลงทุนของไทยคึกคักตั้งแต่กลางปีไปจนถึงปลายปี 2561

"แต่จุดที่ประเทศไทยอ่อน คือ การบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะจากผู้มีรายได้น้อย อย่างเกษตรกร เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งมองว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยังให้ความสนใจในเรื่องนี้น้อย ทั้งๆที่เกษตรกรเป็นฐานใหญ่ ปีใดที่ราคาพืชผลทางการเกษตรกรขึ้น เกษตรกรมีเงิน การจับจ่ายใช้สอยจะเกิดขึ้นทั่วประเทศ หมุนวงล้อเศรษฐกิจ บริษัทขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ ทุกคนได้หมด เราประกาศเรื่องอีอีซี (เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) แต่ลืมเรื่องพืชผลทางการเกษตร"

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังเสนอแนะให้รัฐบาลเชิญผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรอย่างจริงจัง
"คุณสมคิด (จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี) ต้องหาคนที่รู้เรื่องมานั่งคุย อย่างคุณอำนวย ปะติเส อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ มองว่า เศรษฐกิจน่าจะแตะ4%จุดเดียว คือดูราคาพืชผลการเกษตรเพราะฐานใหญ่การใช้เงินในประเทศไม่ขยับ คนยังไม่มีความสุข ไม่ได้ทั่วถึง เกษตรกรไม่ได้ถ้าทำตัวนี้เศรษฐกิจจะฉิว อย่างอื่น การลงทุน ส่งออกไม่น่าห่วง ไม่ถึงกับวิ่งแต่จะค่อยๆดีขึ้น"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ย้ำ

เขายังแนะว่า การผลักดันราคายางพาราที่ตกต่ำ ที่รัฐเร่งการบริโภคยางประเทศ แนวทางหนึ่งที่ทำได้คือการชักชวนนักลงทุนจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคยางรายใหญ่ของโลกเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานยางรถยนต์ในไทยให้มากขึ้นซึ่งที่ผ่านมามีการลงทุนแล้ว 4 โรง เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการดูดซับปริมาณยางในประเทศ ทำให้ราคายางขยับ แทนการทุ่มส่งออกในปริมาณมากถึง 4 ล้านตัน

"สำหรับจีน เป็นปัจจัยบวกของไทยมากกว่าลบ เพราะจีนเป็นตลาดใหม่ สีจิ้นผิง โดยขณะนี้ไทยทำการค้ากับจีนเป็นบวกมาตลอด ส่วนโครงการ One Belt One Road (เส้นทางสายไหมจีน) จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ยังไม่รู้ เพราะตอนนี้เป็นเหมือนการประกาศนโยบายออกไปก่อน ต้องมองไปยาวๆ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เผยและว่า

อีกสิ่งที่อยากให้รัฐบาลชุดนี้เร่งผลักดันคือการแก้ไขกฎหมายดิจิทัลให้เอื้อต่อการขยายธุรกรรมการค้าตามแนวโน้มโลก

“ดิจิทัลอีโคโนมี กฎหมายฉบับช้า คิดว่า ตอนนี้ผมเป็นรองนายกฯตอนนั้นเดินเรื่องเกตเวย์เกือบเสร็จ ส่วนเรื่องบรอดแบรนด์รัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ทำทั้งหมด และทำแบบต่อยอด และที่ไม่ทำเลยคือ ดาต้าเซ็นเตอร์” เขาแสดงทัศนะ

อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2561 ด้วยว่า เห็นการฟื้นตัวของบรรดามหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป

“ทุกประเทศดีใหม่ เศรษฐกิจค่อยๆดีขึ้นเท่ากันทั้งโลก ไม่ต้องห่วงเรื่องส่งออกที่ภาคเอกชนทำได้ดีอยู่แล้ว เพิ่มการใช้จ่ายในประเทศ เมื่อมีเงินใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อใด เศรษฐกิจก็หมุนเมื่อนั้น”

โดยการที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศนโยบายลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แม้ทรัมป์จะทำเพื่อคนอเมริกัน แต่ก็ดีส่งดีต่อประเทศไทยบางส่วนเช่นกัน เพราะเมื่อสหรัฐประกาศมาตรการลดภาษี เพื่อดึงดูดกระตุ้นการลงทุนกลับประเทศ หุ้นสหรัฐก็ขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยที่อย่างไรก็ผูกพันกับตลาดนิวยอร์ก แต่ก็ต้องระวังหุ้นขึ้นเรซ ก็อาจลงเร็ว แต่ตอนนี้ทุกคนมีความสุข

อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ประเมินว่าแม้ขณะนี้นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ จะยังไม่ส่งผลกระทบทางลบกับไทย แต่สิ่งที่น่าห่วง คือ นโยบายการเมืองระหว่างประเทศของทรัมป์ อาจทำให้เกิดความบาดหมางของโลก เช่น กับเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่น หากความบาดหมางมากกว่านี้ ประเทศไทยก็ต้องหารมาตรการรองรับผลกระทบ เชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลชุดนี้คิดไว้อยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความสนใจลงเล่นการเมือง ในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งปลายปี 2561 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ตอบคำถาม สุทธิชัย หยุ่นว่า ไม่มีความสนใจ แต่พร้อมจะให้คำแนะนำ

“ภรรยาผมห้ามเลย ไม่ให้ยุ่งเลย แต่ผมพร้อมให้ข้อมูลที่เคยรวบรวมไว้ สมัยเป็นรองนายกฯ ผมช่วยทุกคนตั้งใจบริหารประเทศชาติแต่ไม่โกง ผมไม่เล่นการเมือง” อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย