อสังหาฯชูนวัตกรรมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า

อสังหาฯชูนวัตกรรมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า

การแข่งขันในธุรกิจที่อยู่อาศัย ในยุคศรษฐกิจ 4.0 ดีเวลลอปเปอร์ต่างหันมาใช้กลยุทธ์การแข่งขัน การเปิดตัวโครงการใหม่พร้อมนำเสนอ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย หวังเพิ่มความสะดวกสบาย และตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด

ธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าได้นำนวัตกรรม Smart Mirror หรือ กระจกอัจฉริยะ ที่แสดงข้อมูลต่าง ๆ ได้เหมือนกับจอภาพ เช่น พยากรณ์อากาศ, อุณหภูมิปัจจุบัน, วัน-เวลา, กำหนดการ และนัดหมายต่าง ๆ ซึ่งจะอัพเดทข้อมูลอัตโนมัติจากอินเทอร์เน็ต โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องสั่งการใดๆ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคที่โลกออนไลน์มีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน โดยจะเริ่มนำมาใช้กับคอนโดมิเนียมแบรนด์“ไรส์”โครงการแรก ก่อนที่จะนำมาพัฒนากับโครงการอื่นๆ ในอนาคต

นวัตกรรมดังกล่าว เป็นความร่วมมือกับ บริษัท ไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยี จำกัด และ Estudio Technologies เป็นผู้นำในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) และระบบการจัดการโรงแรมระดับไฮเอนด์ จากสิงคโปร์ ให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น การบริหารจัดการอาคาร, การแจ้งซ่อมบำรุง, การจองใช้งานพื้นที่และบริการส่วนกลาง รวมถึงระบบโฮม ออโตเมชั่น ควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ภายใต้แบรนด์ Life Connect

สำหรับลูกบ้านโครงการที่อยู่อาศัยของ ออลล์ อินสไปร์ จะได้รับบริการต่างๆ ผ่านแอพ รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บลูทูธ เช่น ลำโพงไร้สาย รวมไปถึงอุปกรณ์ด้านสุขภาพ (smart health devices) ไม่ว่าจะเป็น เครื่องชั่งน้ำหนัก, อุปกรณ์วัดความดัน ,อุปกรณ์ตรวจสอบสุขภาพผิว โดยสามารถเก็บบันทึกข้อมูลเพื่อใช้ติดตามแนวโน้มของสุขภาพ เช่น ค่าดัชนีมวลกาย ด้วยการแสดงผลในรูปกราฟข้อมูลที่เข้าใจได้ง่าย รองรับการใช้งานของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวได้ถึง 8 คนผ่านบัญชีเฟซบุ๊ค

ไฮไลท์สำคัญกระจกอัจฉริยะรุ่นนี้ สามารถทำงานร่วมกับโฮม ออโตเมชั่น แบรนด์ Life Connect ด้วยเทคโนโลยีสื่อสาร Bluetooth 5.0 เป็นรายแรกของประเทศไทย ที่ได้นำเทคโนโลยีเครือข่าย Mesh Network มาช่วยให้การสื่อสารข้อมูลมีความรวดเร็ว ครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วทั้งบริเวณของบ้าน มีความเร็วในสื่อสารและระยะทำการที่มากกว่าเทคโนโลยี Z-wave และ ZigBee 

นอกจากนั้นสามารถสั่งงานเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิดไฟ เครื่องปรับอากาศ และทีวี ผ่านแอพบนสมาร์ทโฟน แม้อยู่นอกบ้าน มีระบบส่งการแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย เช่น การเปิด-ปิดไฟ เปลี่ยนช่องทีวี เปลี่ยนอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ลำโพงอัจฉริยะ สามารถใช้งานได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์

“กระจกอัจฉริยะ เป็นอีกนวัตกรรมเพื่ออนาคตของการใช้ชีวิตที่ง่ายและรวดเร็ว โดยนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ งานดีไซน์หรือโมเดลธุรกิจใหม่ๆ รวมไปถึงเทคโนโลยี ถือเป็นการเสริมประสิทธิภาพการทำธุรกิจที่อยู่อาศัยให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น”

เสนาฯชูแอพ‘360 เซอร์วิส'

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ในยุค 4.0 ทำให้ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่หันมาใช้กลยุทธ์การแข่งขัน การเปิดตัวโครงการใหม่พร้อมนำด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย หวังเพิ่มความสะดวกสบายและตอบสนองความต้องการลูกค้าให้มากที่สุด

กลยุทธ์การแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯของเสนาฯ จึงให้ความสำคัญกับ“บริการหลังการขาย”มากที่สุด ด้วยบริการผ่านแอพพลิเคชั่นSENA 360ํ Serviceหรือ“เสนา 360 องศา เซอร์วิส” นำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสร้างจุดต่างและจุดขาย เพื่อจับกลุ่มลูกค้าใหม่ในอนาคต

นวัตกรรม “แอพ”SENA 360 ํ Service มุ่งบริการหลังการขายที่ครบวงจร ตอบโจทย์สร้างความสะดวก ประหยัด และปลอดภัยให้กับลูกบ้าน ด้วย3 ฟังก์ชั่น การใช้งาน คือWE Careการบริการแจ้งซ่อม ออนไลน์ 24 ชั่วโมง ,Victory“พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์” การดูแลโครงการที่อยู่อาศัย ติดต่องานนิติบุคคล และ360 ํ Living Agentการบริการรับฝากขายและเช่าที่อยู่อาศัย

เซอร์วิสหลังการขายที่แตกต่าง คือ Living Agent บริการรับฝากขายและเช่า ด้วยแนวคิด“ขายชนขาย”คือการ "พบกับลูกค้าตั้งแต่วันแรกที่ขายสินค้าและจะอยู่กับลูกค้าจนวันที่ขายใหม่อีกรอบ”

เรียกว่าเป็นเซอร์วิสที่เสนาฯ อยู่กับลูกค้าตลอดชีวิต

ดังนั้นบริการ“ลิฟวิ่ง เอเยนต์” จึงเข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าว เมื่อต้องการ“ขายหรือปล่อยเช่า” ซึ่งเป็นบริการที่ลูกค้าอาจไม่ต้องการใช้ในวันแรก แต่เป็นฟังก์ชั่นที่พร้อมใช้งานได้ทันทีใน“แอพ เสนา 360” ร่วมกับบริการอื่นๆ ซึ่งมีฐานข้อมูลของลูกค้าพร้อมอยู่แล้ว โดยไม่ต้องใช้บริการเอเยนต์อื่น และเสนาฯ เป็นรายเดียวในขณะนี้ที่ให้บริการ“ขายชนขาย”ภายในแอพเดียว

ต้นปี 2561 จะเห็นการพัฒนานวัตกรรม โซลูชั่น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่เสนาจะนำมาตอบโจทย์ ความสะดวก ประหยัด และปลอดภัยให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้าน โมบิลิตี้ ที่จะทำให้การเดินทางของระบบขนส่งในโครงการเชื่อมโยง“จุดต่อจุด” ให้สะดวก รวดเร็วและตรงเวลามากขึ้น

แสนสิรินำร่อง‘สังคมไร้เงินสด’

อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจสถาบันการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดตัว Cashless Town หรือ สังคมไร้เงินสด เพื่อสร้างประสบการณ์ทางการเงินให้แก่ลูกค้าเป็น“เรื่องง่าย” ด้วยการชำระผ่าน QR Codeตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคดิจิทัล ซึ่งเป็นครั้งแรกของธุรกิจอสังหาฯ ที่ร่วมมือกับธุรกิจสถาบันการเงิน ในการนำดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่ทางการเงินมารองรับการชำระเงินและชอปปิงแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ

“ในยุคดิจิทัล ลูกค้าต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็วในการจับจ่ายใช้สอย บริการ Cashless Town จะช่วยให้การใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลด้านการเงินของลูกค้าสมบูรณ์แบบ”

โครงการ Cashless Town ได้นำระบบชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ด มาให้บริการในทุกทัชพอยท์ที่จะมีธุรกรรมทางการเงินเกิดขึ้นภายใต้พื้นที่ที่พัฒนาโดยแสนสิริ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการชำระเงินที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่อยู่อาศัย เริ่มต้นนำร่องครั้งแรกที่ฮาบิโตะคอมมูนิตี้รีเทลของแสนสิริ รองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ โดยการชำระเงินด้วยการสแกนคิวอาร์ โค้ดผ่านสมาร์ทโฟนจะเพิ่มความคล่องตัวให้กับลูกค้ามากขึ้น ความร่วมมือระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการสร้าง Digital Eco System ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ช่วงไตรมาสแรกปี 2561 Cashless Town จะขยายครอบคลุมพื้นที่ T 77 ศูนย์กลางการอยู่อาศัยและพื้นที่แห่งไลฟ์สไตล์ตั้งอยู่บน ถ.สุขุมวิท 77 อยู่ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส อ่อนนุช ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัย 8 โครงการ จำนวน 10,000 ครอบครัว ได้แก่ บล็อค สุขุมวิท 77, เดอะ เบส สุขุมวิท 77, เดอะ เบส พาร์คอีสต์ สุขุมวิท 77, เดอะ เบส พาร์คเวสต์ สุขุมวิท 77, ฮาสุ เฮาส์, โมริ เฮาส์, การ์เด้น สแควร์ สุขุมวิท 77 และ คาวะ เฮาส์ รวมถึง Park Court (พาร์ค คอร์ท) คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเม้นต์ และ โรงเรียนนานาชาติ บางกอกเพรพ (Bangkok Prep)