“ยุทธชัย" ซีอีโออิตัลไทย ปรับองค์กร “ไดนามิค” รับแข่งดุ  

“ยุทธชัย" ซีอีโออิตัลไทย ปรับองค์กร “ไดนามิค” รับแข่งดุ  

สวมบท “ผู้บริหารหนุ่ม” ตั้งแต่อายุยังน้อยจริงๆ สำหรับ“ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย เมื่อต้องมารับไม้ต่อสานอาณาจักรหมื่นล้าน ของครอบครัวแบบปัจจุบันทันด่วน หลังสูญเสียบิดา อดิศร จรณะจิตต์

ผ่านไป 15 ปี เส้นทางของซีอีโอหนุ่ม สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กลุ่มอิตัลไทยอย่างมาก และยิ่งเห็นการเดิมเกมขับเคลื่อนธุรกิจ“เชิงรุก”ยิ่งขึ้น หลังองค์กรล่วงเข้าสู่อายุ 62 ปี บนเป้าหมายที่ท้าทายของเขาที่ต้องการนำธุรกิจให้เติบโต “เท่าตัว” อีก 2 ปีจากนี้

ยุทธชัย ฉายภาพอาณาจักรอิตัลไทย ให้กรุงเทพธุรกิจฟังว่า เป็นการดำเนินธุรกิจหลากหลายประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร กลุ่มธุรกิจอตสาหกรรมบริการ และกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์

โดยในปี 2560 เขาประเมินว่า ฝั่งก่อสร้างอยู่ในอาการ “น่าเป็นห่วง” เพราะการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) ของรัฐ ส่วนมากยังอยู่ในกระดาษ ไม่ตอกเสาเข็ม จึงกระเทือนการขายสินค้าอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนัก 

สวนทางกับกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการ อย่างธุรกิจโรงแรม (ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังบริหารหลากหลายโครงการภายใต้แบรนด์ อมารี โอโซ่ และชามา) และกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์อย่างร้านชาทีดับเบิลยูจีที การจำหน่ายเครื่องดื่มพรีเมียมจากต่างประเทศ ยังไปในทิศทางขาขึ้น แม้ยอดขายธุรกิจชา จะหดตัวบ้าง จากการแข่งขันสูง แต่ภาพรวมทั้งปียังดี 

ทำให้ที่ผ่านมาอิตัลไทย เดินหน้าลงทุน3,000ล้านบาท ขยายกิจการโรงแรมทั้งในและต่างประเทศรวม 7-8แห่ง โดยหวังจะเป็นจุดหมายปลายทาง(Destination)ของนักเดินทาง เช่น พัทยา ,ภูเก็ต ,กุ้ยหลิน ประเทศจีน ,วังเวียง ประเทศลาว,กอลล์ ประเทศศรีลังกา ภายใต้แบรนด์อมารีเป็นต้น และมีเป้าหมายจะขยายโรงแรมให้มากขึ้นอย่างน้อยปีละ10โรง เพื่อสร้างการเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรอิตัลไทย

ยุทธชัย บอกว่า จากธุรกิจที่หลากหลายทำให้ธุรกิจของอิตัลไทยเคลื่อนไหวสูงมาก องค์กรจึงต้องปรับตัว ตลอดเวลา โดยปีนี้มีไฮไลท์สำคัญคือการนำ แมนดาริน โอเรียนเต็ล" โรงแรมเก่าแก่ 140ปีของตระกูล และสร้างรายได้ปีละราว 2,000ล้านบาท มารวมอยู่ภายใต้ชายคา “อิตัลไทย” อย่างเป็นทางการ

พร้อมกันนี้ ได้ลงทุนครั้งใหญ่รอบ 10ปี ด้วยงบ 2,000 ล้านบาท ปรับโฉมโรงแรมฝั่งริมแม่น้ำแห่งนี้ ที่มีจำนวน 330 ห้องพักใหม่ทั้งหมด เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน1ปีครึ่ง

เดิมเราดูแลกลุ่มโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ในฐานะกรรมการบริหาร(บอร์ด)โดยมีคุณแม่(นิจพร จรณะจิตต์)เป็นประธาน ส่วนผมเป็นผู้อำนวยการ การผนวกโอเรียนเต็ลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอิตัลไทยทำให้การสื่อสาร การวางแผนธุรกิจจะมีระบบและชัดเจนยิ่งขึ้น”  

การปรับปรุงโรงแรมแห่งนี้ ยังเป็นการขานรับกับโปรเจคริมแม่น้ำเจ้าพระยาของทุนใหญ่เมืองไทยไม่ว่าจะเป็นไอคอนสยาม ของกลุ่มซีพี-สยามพิวรรธน์,เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์1และ2ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี และหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นต้น

ด้านธุรกิจไวน์นำเข้า “ยุทธชัย” เล่าว่า จะมีการขมวดมาอยู่บริษัทเดียวกับร้านชาดับเบิลยูจีที และวางแผน 5 ปีข้างหน้า ปรับโครงสร้างและพอร์ตลิโอสินค้าใหม่ 

โดยร้านทีดับเบิลยูจีที ยังเจรจากับเจ้าของแบรนด์หรือแฟรนไชส์ซอว์ เพื่อขยายการลงทุนร้านเพิ่ม 3-4 สาขา แต่ปรับโมเดลใหม่ให้เล็กลงต่ำกว่า 200 ตารางเมตร(ตร.ม.) จากเดิม250ตร.ม.ต่อสาขา รวมถึงโฟกัสทำเลในโรงแรมของกลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ปมากขึ้น ด้วยโมเดลร้านขนาด100ตร.ม. แทนการเปิดในห้างค้าปลีก จะช่วยลดต้นทุนการสร้างสาขาลงเหลือ10ล้านบาท จาก40-50ล้านบาท

เป็นจังหวะดีที่จะนำร้านชาทีดับเบิลยูจีทีไปผนึกกับธุรกิจโรงแรม เพื่อลดต้นทุน กลับกันการลงทุนใหม่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย จะไม่ลงทุนหน้ามืดเหมือนที่ผ่านมา

ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น เช่น อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล จะทยอยนำผู้บริหารใหม่มาเสริมทีมพร้อมไปกับการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร และเปลี่ยนกลยุทธ์การเคลื่อนธุรกิจจากยึดสินค้าเป็นศูนย์กลาง มาสู่การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางมากขึ้น สร้างความหลากหลายให้พอร์ตโฟลิโอเครื่องจักรกล

นอกจากนี้ ยังจะปัดฝุ่นคุณค่าหลัก (Core value) องค์กรอีกครั้ง ด้วยการดึงบริษัท ทาวเวอร์ส วัทสัน(Towers watson) 1ในยักษ์ใหญ่ด้านที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคลของโลก(Global HR consulting firm)มาเป็นที่ปรึกษาในการกำหนดกรอบการพัฒนาอาชีพ ความสามารถของพนักงาน และการพัฒนาผู้นำขององค์กร

อิตัลไทยมีพนักงานราว 5,000 คนเมื่อองค์กรมีเป้าหมายชัดเจน จึงต้องลงทุนสร้างคน มีรางวัลชัดเจนให้แก่พนักงานทุกคน ต้องขับเคลื่อนองค์กรให้รู้หน้าที่ตนเอง คนที่อยู่อิตัลไทยในอนาคตต้องกระตือรือร้น เฉื่อยไม่ได้ ส่วนตัวผมเองต้องแอคทีฟมากขึ้นอีก เพื่อเป็นต้นแบบให้คนในองค์กร

อีกหนึ่งการพลิกบทบาทองค์กรคือ จะเห็นการนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขณะนี้ได้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเรียบร้อยแล้ว ส่วนบริษัทที่จะดันเข้าตลาดก่อน คาดว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร ภายใต้ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด ส่วนกลุ่มโรงแรม คงต้องรอให้มีโปรเจคครบ100 แห่งก่อน

เหตุผลการเข้าตลาดเพราะต้องการแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ต้องการให้บริษัทมีโปรไฟล์ มีโครงสร้างธุรกิจที่ดี มีธรรมาภิบาล เพิ่มความมั่งคั่งให้ผู้ถือหุ้น และเป็นองค์กรที่คนเก่งต้องการร่วมงาน

ยุทธชัย ยังบอกด้วยว่า แม้เขาจะเข้ามาบริหารอาณาจักรช่วงรอยต่อผู้นำ แต่สิ่งที่เขาบริหารงานคล้ายผู้นำรุ่นก่อน เช่น คุณตา(นายแพทย์ชัยยุทธ กรรณสูตร ผู้ก่อตั้ง) คือการใส่ใจและลงในรายละเอียดงาน วิเคราะห์ข้อมูลจากสถิติ ตัวเลข และมองแนวโน้มตลาดมากขึ้น ขณะที่บิดาดูภาพรวมทั้งองคาพยพ และบริหารความสัมพันธ์

ผมก็ต้องเล่นบทนั้นด้วย เป็นลูกผสมที่ใช้ฝีมือ ดูรายละเอียด ภาพใหญ่ ท้ายที่สุดต้องผลักดันสู่ภาพใหญ่มองทิศทางเชิงรุกในการปรับตัวมีการคาดการณ์และปรับคาดการณ์ใหม่ตลอดเวลาโดยรวมคือการทำงานที่ต้องยืดหยุ่นสูง(Dynamic management)”

สำหรับความสำเร็จของผู้ก่อตั้ง บิดา มารดาที่ผ่องถ่ายถึงยุทธชัย เขายกให้การเป็นผู้ก่อตั้งวางรากฐานธุรกิจให้แกร่ง ขณะที่ความท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคนี้ มองไปที่ความรวดเร็วหรือ Speed เพราะการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่างๆเร็วมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่คาดเดายาก จึงจำเป็นต้องพัฒนา“บุคลากร”ให้มีความสามารถและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง

โลกปัจจุบัน "เทคโนโลยี" ยังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ธุรกิจของอิตัลไทยก็ต้องปรับตัว โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรม การจองโรงแรมของนักเดินทางวันนี้ผ่าน“ตัวกลาง”มากมาย บริษัทก็ต้องยอมเข้าไปแจมช่องทางดังกล่าวจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ OTA (Over The Air) เพื่ออยู่ในสมรภูมิดังกล่าว 

ขณะเดียวกันยังใช้ดิจิทัลสร้างประโยชน์ นำซอฟต์แวร์มาจับ“ความเห็นเชิงลบ”เพื่อแก้ไขการบริการตอบสนองกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุดยิ่งขึ้น

ดิจิทัลหลักๆนำมาใช้กับธุรกิจโรงแรม วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ต้องมอนิเตอร์ความเห็นของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายแบบเรียลไทม์ เพื่อตอบสนองความต้องการอย่างรวดเร็ว นำข้อมูลที่มีมหาศาล(Big data)มาวิเคราะห์ ต่อยอดสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า(CRM)เพราะธุรกิจบริการอย่างโรงแรมการทำตลาดตรงนี้สำคัญมาก ส่วนธุรกิจอุตสาหกรรมฯมีศูนย์กลางข้อมูลที่จะช่วยให้การทำงานบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กุมบังเหียนธุรกิจมานาน เป้าหมายองค์กรสู่ทศวรรษที่7ยุทธชัย มองไปที่ ขนาดธุรกิจที่ต้องใหญ่ขึ้น เป็นกลุ่มบริษัทที่อาจมีรายได้ยังไม่ถึงแสนล้าน แต่หลายหมื่นล้าน ต้องมีโรงแรมในต่างประเทศ100แห่ง ภายใน5ปี ครอบคลุมตลาดเอเชียแปซิฟิก มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 30% จากปัจจุบัน10%

ยิ่งกว่านั้นคือกำไรเมื่อบริษัทมีเป้าหมายต้องการทำรายได้แตะ3หมื่นล้านบาทในปี2564 ที่ผ่านมาความสามารถทำกำไรยังไม่ถึง10% เพราะอยู่ในโหมดลงทุน แต่จากนี้ไปคนทำงานในองค์กรจะต้องช่วยกันมุ่งสร้างกำไรให้ขยายตัวยิ่งขึ้น