ไนท์แฟรงค์ชี้ที่อยู่อาศัยปี61‘ยูนิต-มูลค่า’โต 5-7%

ไนท์แฟรงค์ชี้ที่อยู่อาศัยปี61‘ยูนิต-มูลค่า’โต 5-7%

ไนท์แฟรงค์ ประเมิน“ที่อยู่อาศัย”ปี 2561 โต 5-7% ทั้งยูนิต-มูลค่าโครงการ ตลาดคอนโดเกาะแนวรถไฟฟ้าบูม “บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์”ขยายตัวต่ำ ชี้โปรเจคอีอีซีหนุนอสังหาฯกลุ่มอุตสาหกรรม

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าปี 2561 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุดประมาณ 5-7% ในแง่ของจำนวนยูนิตและมูลค่าของโครงการ

“ผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ ยังเห็นว่าตลาดมีโอกาสที่จะเติบโต จึงวางแผนผลักดันธุรกิจจากภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพขยายตัว”

ขณะที่ตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ในปีหน้า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เช่น การวางผังห้องชุด ขนาดของยูนิต แต่ผู้พัฒนาโครงการจะมองหาการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ เพื่อสร้างความแตกต่างของโครงการและช่วยสนับสนุนการขาย โครงการส่วนใหญ่จะหันมาใช้ระบบที่จอดรถอัตโนมัติ (automate parking) เพื่อเพิ่มปริมาณที่จอดรถภายในโครงการ ซึ่งสามารถเพิ่มเนื้อที่ได้ประมาณ 20-30% จากระบบที่จอดรถแบบเดิม รวมถึงการใช้ระบบโฮม ออโตเมชั่นมากขึ้น

การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมปีหน้ายังเน้นไปตามแนวรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่กำลังก่อสร้างอยู่ ตลาดจะขยายตัวไปยังบริเวณพื้นที่ชานเมืองช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเดินทางเข้าเมืองสะดวก คำนวณระยะเวลาถึงจุดหมายปลายทางได้

สำหรับตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ซึ่งอยู่บริเวณชานเมือง จะมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำ ปัญหาการจราจรยังคงเป็นปัญหาหลัก เนื่องจากโครงการพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ตั้งอยู่ไกลจากรถไฟฟ้า การตัดถนนใหม่เพื่อรองรับปริมาณรถและการจราจรที่เพิ่มขึ้นมีน้อยมาก ตลาดคอนโดจึงได้เปรียบเนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้าและยังใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างไม่มากอีกด้วย

ตลาดผู้ซื้อคอนโดระดับบีและซี ยังคงเป็นคนไทยเป็นหลัก สำหรับคอนโดในพื้นที่บริเวณสุขุมวิท รถไฟฟ้าสายสีเขียว-แบริ่ง รถไฟฟ้าใต้ดิน-บางซื่อ ลาดพร้าว จะมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น เช่น จีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์และไต้หวัน ในขณะที่นักลงทุนจากประเทศแถบอื่นๆ มีบ้างแต่ไม่มาก

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อแตกต่างกันออกไปตามแต่ละตลาด สำหรับคอนโด ผู้ซื้อจะคำนึงถึง“ทำเล”เป็นหลัก เนื่องจากการเดินทางเข้าสู่เมือง เป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้จะพิจารณาจากโครงการ ขนาดของยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก และราคา

ส่วนตลาดบ้านและทาวน์เฮาส์ ผู้ซื้อจะคำนึงถึงพื้นที่การใช้สอยเป็นหลัก ตามด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและทำเลของโครงการ

ทางด้านแนวโน้มตลาดทรัพย์สินเพื่อการอุตสาหกรรม การเติบโตจะขึ้นอยู่กับการสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) หากเป็นรูปเป็นร่างจะทำให้ตลาดอุตสาหกรรมเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันก็จะช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติได้อีกด้วย

ในส่วนของตลาดโลจิสติกส์และคลังสินค้า จะเติบโตในเชิงปริมาณ ตลาดสำนักงานมีทิศทางที่เป็นบวกเนื่องจากปริมาณอุปทาน ที่เข้าตลาดยังมีอยู่น้อย ขณะที่เศรษฐกิจและภาคธุรกิจยังมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความต้องการใช้สำนักงานจะเพิ่มมากขึ้น อัตราค่าเช่ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง