เซรั่มเมือกหอยนครนายก กิจการเพื่อสังคมจากหอยทาก

เซรั่มเมือกหอยนครนายก กิจการเพื่อสังคมจากหอยทาก

“เซรั่มจากเมือกหอยทาก” ลุ้นขึ้นทำเนียบสุดยอดผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากนครนายกภายในปี 2561 ตั้งเป้าให้เป็นสินค้าดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกตรงเข้าพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดโดยตรง มั่นใจคุณภาพส่งออกมาตรฐานออร์แกนิคโดยมี วว.สนับสนุน

“เซรั่มจากเมือกหอยทาก” ลุ้นขึ้นทำเนียบสุดยอดผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากนครนายกภายในปี 2561 จากการผนึกกำลังผลักดันโดยทุกภาคส่วนในพื้นที่ทั้งผู้ประกอบการ หน่วยงานรัฐและประชาชน แถมยังการันตีคุณภาพด้วยสูตรเซรั่มที่พัฒนาโดยศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)


กฤตพง ภัทรธุวานัน กรรมการบริหารบริษัท เอเดนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยจะต้องเดินทางมานครนายกเพื่อซื้อเซรั่มเมือกหอยทาก เช่นเดียวกับเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ต้องไปเมืองโกเบเพื่อกินเนื้อโกเบ หรือไปซื้อเครื่องสำอางรกแกะจากชุมชนต้นกำเนิดในออสเตรเลีย ดังนั้น เซรั่มเมือกหอยก็ควรจะซื้อจากชุมชนต้นกำเนิดที่นครนายก


เอเดนฯ เป็นธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค โดยส่งออกสินค้าไปอเมริกาเหนือและยุโรป เผชิญปัญหาหอยทากกัดกินพืชผักทางการเกษตรเช่นเดียวกับเกษตรกรเครือข่าย ประกอบกับปัจจุบันเครื่องสำอางที่มีเมือกหอยทากเป็นส่วนประกอบสำคัญได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงจุดประกายความคิดที่จะเปลี่ยนวายร้ายให้เป็นพระเอก โดยนำโจทย์เข้าหารือผู้เชี่ยวชาญด้านหอยทากพันธุ์อาช่า(Achatina fulica) จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ช่วยออกแบบสร้างมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงและจัดทำมาตรฐานเมือกหอย ซึ่งนำมากำหนดเป็นเกณฑ์การรับซื้อและกำหนดราคาเมือก ทั้งยังเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองฟาร์มอีกด้วย

คุณภาพเมือกจะพิจารณา 3 องค์ประกอบคือ การปนเปื้อนจุลินทรีย์ สารหนูและปริมาณสารสำคัญ โดยแบ่งเป็น 5 ระดับ เกรดเอตั้งราคารับซื้อ 1.4-1.5 หมื่นบาทต่อลิตร ส่วนที่คุณภาพพอใช้หรือเกรด D ราคาก็จะลดลง 50% ทั้งนี้ เกษตรกรจะเก็บเมือกเพียง 1 มิลลิลิตรต่อตัวต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานเครื่องสำอางออร์แกนิคยุโรป หรือ Cosmos ปัจจุบันเอเดนฯ มีสมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยทาก 85 ราย จดทะเบียนเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงหอยทากอาช่านครนายก” และจะขยายเพิ่มอีก 400 รายในปีหน้าจากผู้ยื่นใบสมัคร 5,000 รายทั่วประเทศ แต่จะพิจารณาให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในนครนายกและจังหวัดใกล้เคียงก่อน เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบฟาร์ม อีกทั้งจำกัดจำนวนเลี้ยงไม่เกิน 8,000 ตัวต่อฟาร์ม


วัตถุดิบเมือกจากสมาชิกเกษตรกรในปัจจุบันรวมประมาณ 400 ลิตรต่อเดือน โดย 80% แปรรูปเป็นเมือกผงส่งออกเป็นส่วนผสมสำคัญในเครื่องสำอาง ส่วนที่เหลือส่งให้ วว.ผลิตเป็นเซรั่มจำหน่ายภายในประเทศและเตรียมทำตลาดส่งออกในปีหน้าทันทีที่ผ่าน Cosmos ทั้งนี้ ฉลากสินค้าจัดทำเป็น 5 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศสและลาว เพื่อให้สื่อสารครอบคลุมผู้บริโภคทั่วโลก ทั้งนี้ แผนงานในปี 2561 ด้านการจำหน่ายจะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ 1.6 หมื่นคน ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์เซรั่มภายในประเทศ 450 ล้านบาท ในส่วนตลาดส่งออกจะมียอดขาย 150 ล้านบาทจากเมือกผงและเซรั่มจากอเมริกาเหนือและยุโรป จากนั้นในปี 2562 ยอดรายรับจะโตขึ้นประมาณ 3 เท่าตัวของปี 2561 จาการทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทเครื่องสำอางต่างประเทศไว้แล้ว


กฤตพง กล่าวสรุปว่า ความสำเร็จดังกล่าวเนื่องจากภาคเอกชนมีโจทย์วิจัยหรือแผนธุรกิจที่ชัดเจน สามารถแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแผนฯ รวมทั้งพยายามเข้าถึงหน่วยงานภาครัฐที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน จึงจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีวงจรครบสมบูรณ์ ถ้าจะทำตลาดโลกก็ต้องสร้างเครือข่ายมาตรฐานตั้งแต่จุดเริ่มต้น ขณะเดียวกันตลาดปลายทางก็ต้องมีมาตรฐานระดับสากลรับรอง ถ้าทำครบตลอดทั้งซับพลายเชน จะทำให้สินค้านั้นมีความยั่งยืนและมีมูลค่าทางการตลาดสูงมาก


สายันต์ ตันพานิช รองผู้ว่าการกลุ่มวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร ได้ร่วมวิจัยกับบริษัทเอเดนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยจากเมือกหอยทากสายพันธุ์อาช่า ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้าจากเมือกหอยทาก ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลว มีสีเหลืองใส และมีความคงตัวที่ดี หลังการทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์ภายใต้สภาวะที่เร่งโดยใช้การสลับร้อนและเย็นเป็นเวลา 6 รอบ พบว่าผลิตภัณฑ์มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และกระตุ้นการเจริญของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ได้สูงถึง 96.85% และมีคุณสมบัติชะลอวัยที่ดี โดยสามารถกระตุ้นการเจริญของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ได้สูงที่สุด และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังภายใน 24 ชั่วโมง


ทั้งนี้ ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้และใช้ประโยชน์จากหอยทากที่มีมากในเขตจังหวัดนครนายก สำหรับการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เพื่อการผลิตจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ

“วว. มีความพร้อมในการรับวิเคราะห์ ทดสอบ บริการวิจัย ด้านสมุนไพร เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแก่เอกชนและประชาชนทั่วไป ทั้งนี้แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าผู้ที่มีผิวหนังแพ้ง่ายควรทดลองใช้ครีมหอยทาก โดยการทดสอบป้ายที่ท้องแขนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพราะเป็นสารสกัดที่มีเอนไซม์จากสัตว์ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางราย ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้าจากเมือกหอยทาก เป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยที่มีศักยภาพในการช่วยลดการทำลายผลผลิตการเกษตร พัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรไทย เพิ่มรายได้และก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากหอยทาก ที่มีเป็นจำนวนมากในทุกจังหวัดที่มีความชุ่มชื้น สู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน” รองผู้ว่าการ วว. กล่าว