รักกันทำไมต้องฆ่า? ไขปริศนาเมื่อรักเปลี่ยนเป็นแค้น

รักกันทำไมต้องฆ่า? ไขปริศนาเมื่อรักเปลี่ยนเป็นแค้น

คดีฆาตกรรมจำนวนไม่น้อยมีชนวนเหตุมาจากเรื่องชู้สาว และส่วนใหญ่ผู้กระทำจะเป็น “ฝ่ายชาย” ซึ่งเป็น “คนรัก” หรือ “อดีตคนรัก” ของฝ่ายหญิงที่ตกเป็นเหยื่อนั่นเอง

อย่างกรณี น้องพลอย หรือ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล อายุ 28 ปี ที่ถูกอดีตแฟนหนุ่ม ส.อ.พลกฤต วิเศษ ฆ่าและเผาอำพรางศพในเขต อ.แก่งคอย จ.สระบุรี สาเหตุมาจากความหึงหวง เพราะน้องพลอยกำลังตีตัวออกห่าง หลังทราบว่า ส.อ.พลกฤต มีภรรยาอยู่แล้ว

หรือล่าสุด คดี “นายเก่ง” รณชัย ปานชาติ ที่บุกฆ่า “หมอปอ” แฟนสาว ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน แต่สาเหตุที่ต้องฆ่า เพราะนายเก่งไปมีกิ๊ก และอยากยกเลิกงานวิวาห์กับ “หมอปอ” แต่ฝ่ายหลังไม่ยินยอม

เหตุการณ์รุนแรงลักษณะนี้เกิดขึ้นถี่ยิบ จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่า เหตุใดคนที่เคยรักกัน จึงสามารถลงมือฆ่าแกงกันได้ลงคอ

พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือ “หมอแอร์” จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลตำรวจ ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า เป็นรูปแบบของความรักที่เปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น และทั้งหมดเกิดจากอารมณ์เพียงชั่ววูบเท่านั้น แม้ว่าหลายๆ คดีจะพบว่า ผู้ก่อเหตุตระเตรียมอาวุธไว้ล่วงหน้าก็ตาม

“ปกติคนที่รักกันจะไม่ทำร้ายกัน แต่ที่เป็นข่าวฆ่ากันไม่ได้เกิดจากความรัก เกิดจากความโกรธ ความโมโห ซึ่งจริงๆ แล้วคนเหล่านี้เคยรักกันมาก่อน รักกันมาก พอไม่สมหวัง มีปัญหา เลิกรากันไป ก็ทำใจไม่ได้ เกิดความโกรธ ความโมโห โดยเฉพาะอีกฝ่ายมีแฟนใหม่ มีคนอื่น ก็จะยิ่งมีความโกรธ บวกกับความหึงหวง พอโกรธมากๆ ก็เกิดอารมณ์ชั่ววูบ ถึงขั้นไปทำลายล้าง”

หมอแอร์ ชวนให้สังเกตว่า บ่อยครั้งที่คนลงมือฆ่าเป็นฝ่ายชายมากกว่าฝ่ายหญิง ทั้งๆ ที่คนทั่วไปมักรู้สึกว่านิสัยหึงหวงมักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่จริงๆ แล้ว ทั้งหญิงและชาย ล้วนมีความหึงหวงเหมือนๆ กัน ยิ่งประกอบกับความเชื่อผิดๆ ที่ว่า “ฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้” ยิ่งทำให้คนที่เคยรักกันสามารถลงมือฆ่ากันได้

ส่วนผู้หญิงที่มีความโกรธแค้น มักเลือกลงไม้ลงมือทำร้ายบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีสรีระใกล้เคียงกับตน มากกว่าที่จะเลือกทำร้ายชายคนรัก

หมอแอร์ บอกด้วยว่า การที่คนรักมีแนวโน้มโกรธแค้นถึงขั้นลงมือฆ่าหากต้องเลิกรา จริงๆ มีสัญญาณหรือสิ่งบอกเหตุให้เห็นมาก่อน ซึ่งคนใกล้ตัวสามารถสังเกตได้ เช่น ขณะที่ยังคบหากัน คนรักมักมีอารมณ์รุนแรงเมื่อทะเลาะวิวาท ใช้คำพูดข่มขู่ พูดจาหยาบคาย หรือมีการทำร้ายร่างกายกันในบางครั้ง ถ้าเป็นเช่นนี้ เมื่อความรักเดินมาถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ และจบกันไม่ดี คนที่เคยรักมากก็อาจเปลี่ยนเป็นคนที่แค้นมาก และมีแนวโน้มที่จะลงมือฆ่าคนรัก

“ก่อนที่เขาจะมาทำร้ายเรา บางทีมีสัญญาณบ่งบอกมาก่อนแล้ว เพราะความรุนแรงมีตั้งแต่ความคิด วาจา และลงมือกระทำ เช่น ดูแล้วโกรธมาก โมโหมาก พูดข่มขู่ อาฆาตพยาบาทมาก ถ้าเราเจอแฟนที่ดูแล้วมีอารมณ์รุนแรง มีแนวโน้มจะทำร้ายร่างกาย ให้ตั้งหลักตั้งสติดีๆ แล้วถอยมาก้าวหนึ่งก่อน และพูดคุยกับเขาในเวลาที่เขาอารมณ์ดีๆ ว่า...ที่รัก ฉันรักคุณ แต่บางครั้งเวลาที่คุณมีอารมณ์รุนแรง ฉันรู้สึกไม่สบายใจ...ลองพูดให้เขาปรับเปลี่ยนตัวเองดู ถ้าเขาไม่สามารถควบคุุมตัวเองได้ ก็ชวนเขามาปรึกษาจิตแพทย์ เพราะบางครั้งเป็นปัญหาด้านอารมณ์ บุคลิกภาพ เราไม่สามารถบำบัดคนรักของเราได้เอง ต้องใช้ตัวช่วยอย่างหมอจิตวิทยา” หมอแอร์ แนะ

หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงจากคนรัก นักอาชญาวิทยาอดีตตำรวจอย่าง ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ประจำสถาบันอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต แนะนำว่า ควรรีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์นั้นๆ โดยเร็วที่สุด แล้วรอให้อีกฝ่ายใจเย็นมากขึ้นค่อยกลับไปพูดคุยหรือตกลงกัน รวมถึงควรหาคนกลางมาร่วมรับฟังปัญหา เพื่อลดบรรยากาศความตึงเครียดและความสุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดความรุนแรงขึ้นด้วย

รัก โลภ โกรธ หลง เป็นกิเลสที่มีอยู่ในตัวคนทุกคน การจะก้าวข้ามปัญหาที่เกิดจากกิเลสที่เกาะกินใจได้ต้องใช้ “สติ” และต้องไม่ลืมว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ...