7เดือนอายัดเงินแก๊งคอลฯ คืนผู้เสียหายกว่า120ล้าน

7เดือนอายัดเงินแก๊งคอลฯ คืนผู้เสียหายกว่า120ล้าน

ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชี้ 7 เดือนอายัดเงินคืนผู้เสียหายกว่า 120 ล้าน

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ทท. , พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. , พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าว มาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากกรณีเจ้าที่ตำรวจและธนาคารเจ้าของบัญชี ร่วมกันดำเนินการ อายัดเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงแล้วโอนไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้าย โดยได้ระงับไม่ให้มีการถอนเงินออกไป ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายในครั้งนี้ได้ จำนวน 4 ราย

ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อแก๊ง Call Center ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยและชมรมบริการธุรกิจเอทีเอ็ม ในการเฝ้าระวังบัญชีต้องสงสัย และดำเนินการอายัดทันทีหากพบมีการกระทำความผิด เพื่อระงับไม่ให้กลุ่มคนร้ายมีการถอนเงินออกไป ล่าสุดสามารอายัดเงินคืนให้กับผู้เสียหาย 4 คน มูลค่ารวมกว่า 1,708,000 บาท โดยขณะนี้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถอายัดเงินคืนผู้เสียหายได้รวมมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท ในระยะเวลา 7 เดือน

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังประชาชนรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ แล้วผู้เสียหายแจ้งมายังเจ้าหน้าที่เร็วเท่าใด ก็จะสามารถอายัดเงินคืนได้มากเท่านั้น เนื่องจากกลุ่มคนร้ายยังไม่ได้ทำการโอนเงินออกจากบัญชี แต่หากเหตุผู้เสียหายแจ้งเข้ามาช้า แล้วคนร้ายโอนเงินออกจากบัญชีไปแล้ว ก็ต้องทำการประสานสถาบันการเงิน และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินก่อน ซึ่งต้องให้ระยะเวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียด จึงจะสามารถติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหายได้ พร้อมฝากถึงเจ้าของบัญชีผู้รับโอนของแก๊ง Call Center ให้ดำเนินการปิดบัญชีทันทีและฝากถึงประชาชนอย่านำบัญชีไปให้คนอื่นใช้ อย่ารับเปิดบัญชีให้ผู้อื่น หากพบมีความเกี่ยวข้องกับแก๊ง Call Center ก็ถือว่ามีผิดตามกฎหมาย

“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่าสถิติประชาชนตกเป็นเหยื่อแก๊ง Call Center ลดน้อยลงต่อเนื่อง เพราะประชาชนรู้เท่าทัน และหากประชาชนท่านใดทราบว่าถูกหลอกให้รีบแจ้งมายังศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติสายด่วน 1155 และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินสายด่วน 1710 โดยเร็วที่สุด” รองผบช.ทท. กล่าว