ลองขับ "เอ็มจี แซดเอส" ออปชั่น สมรรถนะ คุ้มค่า

ลองขับ "เอ็มจี แซดเอส" ออปชั่น สมรรถนะ คุ้มค่า

 เอ็มจี แซดเอส เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว จากโครงสร้างราคาที่น่าจะทำให้รายเดิมในตลาดต้องทำอะไรกันบ้าง 

       ผู้บริหารเอ็มจี พูดอย่างชัดเจนว่า การเป็นน้องใหม่ก็ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อสามารถสอดแทรกตลาดได้ หนึ่งในนั้นก็คือ การใช้กลยุทธ์ด้านราคา แต่ไม่ได้หมายถึงการตัดราคา แต่เป็นการวางโครงสร้างราคาที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย และจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ 

       ซึ่งราคาของเอ็มจี แซดเอส ก็ต้องบอกว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว เมื่อเทียบกับสิ่งที่ใส่มาให้ในรถ รวมไปถึงเมื่อเทียบกับรถที่ใกล้เคียงกันในตลาด ไม่ว่าจะใกล้เคียงในด้านขนาดเครื่องยนต์หรือประเภทรถก็ตาม

       แซดเอส เป็นรถที่ทาง SAIC Motor บริษัทแม่พัฒนาขึ้นมาใหม่ กล่าวคือมันเริ่มจากศูนย์ สร้างแพลทฟอร์มขึ้นมาใหม่ ไม่ได้ใช้ร่วมกับรุ่นอื่น หรือว่าเอ็มจี 5 เก๋งซีดานที่หลายคนเข้าใจ แต่ส่วนที่มันมีส่วนร่วมกันก็คือ เครื่องยนต์กับเกียร์ที่ปรับปรุงมาจากเอ็มจี แซดเอสนั้น SAIC วางไว้เป็นโกลบอล โมเดล ที่จะทำตลาดได้ทั่วโลก ดังนั้นการออกแบบจะต้องร่วมสมัยมากที่สุด เพื่อส่งไปที่ไหนก็ได้ และยังมีแผนให้โรงงานผลิตในไทยที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เป็นฐานการผลิตรุ่นพวงมาลัยขวาทั้งหมด

       รูปทรงออกมาสวยงาม ให้อารมณ์สปอร์ตชัดเจน และดูสมดุลดีกว่ารุ่นพี่อย่าง จีเอส เน้นการใช้เส้นสาย เพื่อให้เกิดเป็นมัดกล้ามและรูปทรงไดนามิค กระจังหน้าขนาดใหญ่ร่วมสมัยกับกระแสนิยมในปัจจุบัน ไฟหน้า ไฟท้าย เน้นเรียว สปอร์ต เพิ่มความเก๋ไก๋กับปุ่มเปิดฝาท้ายชิ้นเดียวกับโลโก้

       ภายใน หลายคนบอกว่าให้มาเกินราคา (รายละเอียดอุปกรณ์มาตรฐานหลักตามกราฟฟิกประกอบ) ออกแบบดูดี หรูหรา วัสดุคุณภาพดี ซึ่งรุ่นที่อยู่กับวันนี้คือตัวท็อป หรือรุ่น X ภายในสีทูโทน เบาะหนัง ขณะที่อีกหลายส่วนใช้วัสดุแบบนุ่มหรือซอฟท์ ทัช ที่คอนโซลหน้ายังเพิ่มความหรูด้วยการเดินด้ายคู่ พวงมาลัยเป็นแบบดี-เชพ 

       จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือมันเป็น บี-เซ็กเมนต์ เอสยูวี ที่มีพื้นที่ให้ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งได้สบาย ปรอดโปร่งทุกตำแหน่ง รวมถึงเบาะหลังที่มีพื้นที่ทั้งช่วงเข่า ช่วงขา ศีรษะ และไหล่มากพอให้รู้สึกสบาย เบาะนั่งออกแบบนุุ่มเป็นพิเศษ เมื่อนั่งแล้วรู้สึกตัวจมลงในเบาะเล็กน้อย แต่ก็ทำให้สบายตัวดี และพนักพิงหลังมีองศาการเอนที่ดี และเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ 

       เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที เพิ่มขึ้นจาก 106 แรงม้าใน เอ็มจี 5 แรงบิด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที และใช้เชื้อเพลิงได้ถึง อี 85 เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งยุคนี้อาจจะไม่ค่อยได้ยินว่ามีใครใช้ แต่เอ็มจีบอกว่าเป็นเกียร์ที่ปรับปรุงขึ้น แต่ยังมีจุดเด่นคือใช้งานง่าย ทนทาน และบำรุงรักษาง่าย 

       เมื่อขับจริงก็ได้คำตอบว่าเกียร์ตัวนี้ไม่เลวครับ ที่คิดว่ามันจะไม่นุ่มนวล กระตุก หรือสะดุดในช่วงการเปลี่ยนเกียร์ ไม่เป็นอย่างนั้น โดยรวมถือว่าทำงานได้ดีทีเดียว ลื่นไหล ตอบสนองการคิกดดาวน์ได้เร็ว และมีโหมดสปอร์ตให้ใช้เพื่อเพิ่มรอบเครื่อง รองรับช่วงเวลาที่ต้องการกำลังมากขึ้น หรือใครอยากเปลี่ยนเกียร์ดัวยตัวเองก็ทำได้โดยการโยกคันเกียร์ บวก ลบ เอาเอง แต่ว่าไม่มีแพดเดิล ชิฟท์ที่พวงมาลัยนะครับ 

       ข้อสงสัยอีกอย่างที่ผมได้รับมาก่อนไปลองขับ ก็คือ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กับรถที่จะว่าไปแล้ว ก็ไม่ได้เล็ก จะไหวไหม อืดไหม ตอบตรงนี้เลยครับว่าสอบผ่าน แน่นอนการวางตลาด บี-เซ็กเมนต์ และใช้เครื่องเล็ก มันคงไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ก็ใช้งานได้ดี ตามสเปคนั้นอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.13.9 วินาที ซึ่งการลองขับ การออกตัวก็เป็นปกติ ไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ไม่ถึงกับอืด อััตราเร่งช่วงกลางที่ใช้งานจริง เช่น  ช่วงเร่งแซง ทำได้ดี และไล่ความเร็วขึ้นไปสูงๆ ก็ได้ 140-150 ก็ทำได้ แต่จะไปตัน แถวๆ 160 แต่ก็เพียงพอแล้วครับ 

       การทรงตัวรถดีที่ความเร็วสูง การควบคุมพวงมาลัยยังคงทำได้เช่นเดิม ไม่ต้้องเกร็ง หรือมีอาการวอกแวกของรถ นับว่าทำออกมาได้ดี 

       แต่ช่วงล่างนุ่มไปสักหน่อย เมื่อเจอกับถนนเมืองไทยที่หาเรียบๆ ยาก ทำให้มีอาการยวบยาบเด้งขึ้นลง และเมื่อวิ่งในทางโค้งตัวถังมีการให้ตัว แต่ว่าการยึดเกาะถนนก็ยังไว้ใจได้ ซึ่งสอบถามแล้วเป็นความตั้งใจเซ็ทแบบนี้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบแบบนุ่มๆ และใช้งานในเมืองเป็นหลัก

       จุดเด่นอีกอย่างคือ การเก็บเสียงที่ทำได้ดี ค่อนข้างเงียบถ้าเทียบกับรถในตลาดนี้หรือราคานี้ ที่ความเร็วสัก 120 หรือจะขึ้นไป 140 เสียงเครื่องยนต์ เสียงลมเข้าน้อย แต่จะได้ยินเสียงยางอยู่บ้าง

       โดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถที่ทำออกมาได้ดี ยิ่งถ้าเทียบกับค่าตัวและออพชั่นต่างๆ แล้ว ก็เชื่อว่าจะเป็นตัวเลือกที่มองข้ามยากครับ 

       .....................................  

       ไอ-สมาร์ท จุดขายคนรุ่นใหม่

       นอกจากเรื่องของราคา และออพชั่นแล้ว แซดเอส ยังมีจุดขายอีกสิ่งหนึ่ง คือระบบ ไอ-สมาร์ท ที่เข้ากับยุคดิจิทัล ยุคอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู ซึ่งเอ็มจีเชื่อว่าการทำให้แซดเอส เป็นสมาร์ท คาร์ จะเป็นที่ถูกอกถูกใจคนในเจนเนอเรชั่น เอ็กซ์ และ วาย รวมถึงคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องนี้ หรือชอบสื่อสารกับตัวรถ

       เอ็มจี พัฒนาไอ-สมาร์ท ร่วกับ ทรู เพื่อทำให้แซดเอสมีลูกเล่นเพิ่มขึ้น และเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งระบบนี้จริงๆ แล้วมีค่าใช้จ่าย แต่เอ็มจี เปิดให้ลูกค้าใช้ฟรี 5 ปี หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันอีกครั้ง

       ระบบนี้มีระบบสั่งการ 3 รูปแบบ แบบแรกคือ สั่งการด้วยคำสั่งเสียง ที่พิเศษคือเป็นเสียงภาษาไทย ระบบนี้ควบคุมการเปิด-ปิด ซันรูฟ กระจกหน้าต่างฝั่งคนขับ ระบบปรับอากาศ ฟังเพลง ระบบนำทาง และการโทรออก รับสาย โดยก่อนใช้งานก็ให้พูดคำว่า “ฮัลโหล เอ็มจี” ระบบจะรับรู้ว่ต้องการคุยด้วย จากนั้นก็ใช้คำสั่งอื่นต่อไป

       ระบบสั่งการผ่านจอทัชสกรีน ควบคุมการโทรออก รับสาย ระบบนำทาง ค้นหาสถานที่สำคัญ รวมถึงที่เที่ยวหรือร้านอาหาร 

       จริงๆ แล้วมีทางลัดอีกอย่างคือ ติดต่่อคอลล์ เซ็นเตอร์ เพื่อให้ส่ง POI มาให้ ก็ได้เช่นกัน 

       อีกช่องทางหนึ่ง คือสั่งการผ่านแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟน หรือ แทบเล็ต เช่น การกำหนดขอบเขตการใช้รถทำได้ตั้งแต่ 500 ม.-10 กม. สั่งเปิดหรือปิดประตู ตรวจสอบตำแหน่งของรถ ตรวจสอบความผิดปกติของรถ เช่น ระบบเบรก ระบบส่งกำลัง แบเตอรี ระดับน้ำมัน สั่งการให้ระบบปรับอากาศทำงานก่อนเดินถึงรถ หรือว่าส่งตำแหน่งที่ต้องการจะเดินทางไปล่วงหน้าไปยังตัวรถได้เลย เมื่อขึ้นรถแล้ว ก็ออกตัวได้ ไม่ต้องมานั่งหานั่งปรับกัน