เศร้า! 'ชาลี ชักกุย' หมีควายแสนรู้ดับคากรง

เศร้า! 'ชาลี ชักกุย' หมีควายแสนรู้ดับคากรง

เศร้าหนัก! "ชาลี ชักกุย" หมีควายแสนรู้ดับคากรงในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี หลังมีอาการป่วยกระทันหัน

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.60 นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรีได้รับรายงานว่าจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่า "ชาลี ชักกุย" หมีควายแสนรู้ อายุ 2 ปี 10 เดือน ตายภายในกรงเลี้ยงหลังอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เมื่อคืนนี้ เมื่อนายอำเภอเดินทางมาถึงสำนักงานอุทยานฯได้รุดไปตรวจสอบบริเวณกรงที่หมีควาย ชักกุยอาศัยอยู่ แต่ไม่พบตัวหมีแต่อย่าง ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้นำซาก หมีควาย ชักกุย ไปโรงพยาบาลสัตว์หัวหินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

นายปณิธาน พินิตปวงชน นักวิชาการป่าไม้ผู้ดูแลหมีความ "ชาลี ชักกุย" กล่าวว่า เวลาปกติจะให้อาหารหมีตั้งแต่เวลา 19.00 น.ทุกวัน เจ้าหน้าที่ก็จะนั่งดูแลกันตามปกติ หลังจากให้อาหาร และให้ยากันชักได้ประมาณ 10 นาที ก็สังเกตเห็นที่ปากหมีมีน้ำลายไหลฟูมปาก เดินกระวนกระวายรอบกรงบางครั้งก็วิ่ง ซึ่งช่วงนั้นตนสังเกตความผิดปกติจึงได้โทรศัพท์ติดต่อกับสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์หัวหินที่ดูแลหมีอยู่และสัตว์แพทย์จากกรม บอกถึงอาการซึ่งสัตว์แพทย์ได้ให้คอยสังเกตุอาการ และแนะนำให้เจ้าหน้าที่นำให้เอายาแก้แพ้ให้หมีกินแต่ตนคิดว่าพึ่งจะให้อาหาร และยาไปไม่นานคงจะลำบาก ไม่นานหมีก็หมดแรงนอนฟูบลงกับพื้นเจ้าหน้าทีเห็นจึงได้วิ่งเข้าไปที่หมีนอน ขณะนั้นหมีมีอาการหายใจช้าลง และหยุดหายใจจึงได้ช่วยปั๊มหัวใจอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ไม่สามารถชีวิตหมีได้

จากนั้นจึงได้ปรึกษาสัตวแพทย์ได้รับคำแนะนำให้ซากหมีมาเพื่อตรวจสอบสาเหตุการตาย เบื้องต้นหลังสัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์พบว่าที่หัวใจมีน้ำอยู่ ซึ่งอาการแบบนี้ไม่เคยพบ และที่กระเพาะอาหารมีแผล หรือสาเหตุจะตายด้วยอาการของโรคที่ไม่แสดงอาการก็น่าจะเป็นไปได้ และเจ้าหน้าที่จะนำซากหมีความ ชักกุย มาฝังบริเวณที่อยู่ของหมีต่อไป

สำหรับหมีควาย “ชาลี ชักกุย” มีการป่วยทางสมองและเป็นโรคลมชัก ต่อมาทีมสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์หัวหิน ทำการรักษา และส่งกลับไปเลี้ยงที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โดยมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกเดือน เพื่อวินิจฉัยอาการป่วยทางประสาท และโรคลมชักที่ต้องให้กินยาเพื่อรักษาอาการอย่างต่อเนื่องทุกวัน

หมีควาย "ชาลี ชักกุย" เป็นหมีความอารมณ์ดี เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์เป็นเวลานาน และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ให้การดูแลบริเวณกรงขนาดใหญ่ด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความน่ารักได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สำหรับชื่อ "ชาลี ชักกุย“ มาจากการเลียนชื่อ “ชาลี ชับปุย” นักฟุตบอลทีมชาติชื่อดัง