เผือกร้อนในมือ 'ป.ป.ช.' วัดใจสอบ 'แหวนเพชร-นาฬิกาหรู'

เผือกร้อนในมือ 'ป.ป.ช.' วัดใจสอบ 'แหวนเพชร-นาฬิกาหรู'

จับประเด็นร้อน!! เผือกร้อนในมือ "ป.ป.ช." วัดใจสอบ "แหวนเพชร-นาฬิกาหรู"

เล่นบท “เตมีย์ใบ้” มาตลอดสัปดาห์ สำหรับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง จนกระแสโจมตี “แหวนเพชรแทงตา - นาฬิกาสุดหรู” เริ่มจางๆ ลงไป

จนถึงขณะนี้เจ้าตัวยังเก็บตัวเงียบกริบไร้คำตอบว่า จะส่งหนังสือชี้แจงกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เมื่อใด

จึงต้องมารอลุ้นกันว่า คำชี้แจงที่ พล.อ.ประวิตร ส่งถึง ป.ป.ช.เกี่ยวกับที่มาของทรัพย์สินทั้ง 2 ชิ้นนี้จะเป็นอย่างไร และอาจจะต้องลุ้นว่า ป.ป.ช.จะเปิดเผยผลสอบสวนคดีที่เกี่ยวกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่

หากลองคาดเดาหรือตั้งสมมติฐาน ก็มี 3 แนวทางที่เป็นไปได้ว่า พล.อ.ประวิตร อาจใช้เป็นเหตุผลในการชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน แต่คำถามที่น่าคิดกว่าก็คือ ชี้แจงแล้วจบหรือไม่?

สมมติฐานแรก พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า ทั้งแหวนเพชรและนาฬิกาเป็นของตนเอง แต่ที่ยังไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เพราะได้มาหลังปี 57 คือหลังรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้วจึงยังไม่ถึงคิวที่ต้องแจ้งบัญชี

หากชี้แจงแบบนี้ สังคมก็จะขุดคุ้ยหาความจริงต่อว่า ราคาทรัพย์สินทั้งสองชิ้นนี้รวมกันเป็นเท่าไร และนำเงินจากที่ไหนมาซื้อ เพราะหากทรัพย์สินทั้งสองชิ้นราคาร่วมๆ 10 ล้านบาทหรือสูงกว่านั้น จะมีความสมเหตุสมผลแค่ไหนที่บุคคลผู้มีทรัพย์สินรวมทั้งหมดเพียง 87 ล้านบาทอย่างที่ พล.อ.ประวิตร เคยแจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช.เอาไว้ จะกล้าซื้อหามาสวมใส่

สมมติฐานที่ 2 พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า “แหวนเป็นของมารดา นาฬิกาเป็นของเพื่อน” ตามที่เป็นข่าว แบบนี้ ในทางกฎหมายอาจมองได้ว่าพ้นผิด แต่สังคมอาจตั้งคำถามในแง่ที่ว่า เป็นการชี้แจงแบบ “ศรีธนญชัย” หรือเปล่า ที่สำคัญสังคมเชื่อหรือไม่ โดยเฉพาะนาฬิกาสุดหรูที่คาดว่าสนนราคาเรือนละเป็นล้าน หรือหลักสิบล้านบาท จะมีคนใจดีหยิบยื่นให้ยืมใส่จริงหรือ

สมมติฐานที่ 3 พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า แหวนเพชรเป็นแหวนของตระกูล แต่ยังไม่เป็นมรดก เพราะมารดายังมีชีวิตอยู่ จึงยังไม่ได้แจ้ง ซึ่งก็น่าจะพอฟังได้ แต่นาฬิกาหรู โดยเฉพาะหากเป็นยี่ห้อ “ริชาร์ด มิลล์” หาช่องชี้แจงยากอยู่เหมือนกัน จะว่าเป็นมรดก ก็ตรวจสอบระยะเวลาย้อนหลังได้ว่าซื้อหามาตั้งแต่เมื่อใด

ยิ่งไปกว่านั้น กรณี “แหวนเพชรแทงตา - นาฬิกาสุดหรู” ไม่ใช่ว่าชี้แจงแล้วจะจบลงได้ง่ายๆ เพราะประเด็นนี้เกี่ยวโยงกับกฎหมาย ป.ป.ช.หลายมาตรา ซึ่งที่ผ่านมา ป.ป.ช.เคยใช้กฎหมายมาตราเดียวกันนี้ เล่นงานนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นไปมากมายหลายคนแล้ว ฉะนั้นหากบทบาทของ ป.ป.ช.ออกมาแบบ “เชื่ออะไรง่ายๆ” ก็คงถูกโจมตีอย่างหนักไม่แพ้กัน

หากพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “กฎหมาย ป.ป.ช.”

เริ่มจาก มาตรา 32 ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ “ตามที่มีอยู่จริง” ในวันที่เข้ารับตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่ง โดยให้รวมถึงทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ และทรัพย์สินที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองดูแลของผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย

จะเห็นได้ว่ากฎหมายเขียนเอาไว้เข้มจริงๆ แม้แต่ทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองดูแลของบุคคลอื่นๆ ก็ต้องแจ้งด้วย

มาตรา 34 หากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน หรือจงใจยื่นบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ให้ ป.ป.ช.เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย และเมื่อศาลวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งในวันที่ศาลวินิจฉัย และห้ามเล่นการเมือง รวมทั้งห้ามรับตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลาถึง 5 ปี

นี่คือบทลงโทษที่ร้ายแรงจริงๆ ซึ่งในอดีตนักการเมืองระดับชาติหลายคนก็เคยโดนมาแล้ว เช่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกตัดสินว่ายื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ เกี่ยวกับเงินกู้ 45 ล้านบาท ที่ไม่ได้กู้ยืมกันจริง

อีกมาตราหนึ่งที่เกี่ยวข้องกัน ก็คือ มาตรา 103 ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐ (รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ใครฝ่าฝืนมีโทษอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งที่ พล.อ.ประวิตร อาจจะชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ได้เหมือนกัน คืออาจจะบอกว่าทั้งแหวนเพชร และนาฬิกา เป็นของ “ก๊อปเกรดเอ” ซึ่งกรณีในลักษณะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัย“เจ๊เบียบ” ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช อดีต ส.ว.จังหวัดขอนแก่น ภรรยาของ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อเลยว่า เครื่องเพชรของเธอทั้งหมดเป็นของปลอม ของก๊อป ราคาแค่หลักพันแถมยังบอกว่าเป็นนักสะสมเพชรปลอม เพราะใส่สวย ราคาประหยัด และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน

กระแสนาฬิกาหรูของ“บิ๊กป้อม”ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายเพราะหลังจากกรณีนาฬิกาหรู “ริชาร์ด มิลล์” และแหวนเพชรที่ใส่ในวันถ่ายภาพหมู่ครม.ยังปรากฏภาพนาฬิกาเรือนอื่นๆออกมาชนิดที่เรียกว่า“ไม่ซ้ำกัน”

อย่างล่าสุด เฟซบุ๊ค “CSI LA” ได้เปิดเผยภาพนาฬิกาเรือนใหม่ยี่ห้อ Rolex Cosmograph Daytona Iec Blue Platinum Mens Watch รหัส116506 ราคาปลีกอยู่ที่ 1.9-2.4 ล้านบาท

ประเด็นดังกล่าวจึงถือเป็น“เผือกร้อน”ที่ตกไปอยู่ที่ป.ป.ช.อย่างเต็มๆ!!