Daily Strategy (18 ธ.ค.60)

Daily Strategy (18 ธ.ค.60)

รอทดสอบ 1,730 จุด

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: หุ้นใหญ่ยังคง Perform สลับกันไป ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามนักลงทุนไม่ควรลืมหุ้นที่ Laggard แต่กำไรมีโอกาสเติบโตสูงในปีหน้า ทยอยซื้อเข้าพอร์ต อย่างเช่น BANPU โดยกำไรปี  2561 จะเข้ามาอย่างโดดเด่นจากธุรกิจถ่านหินเป็นหลัก หุ้นที่อยู่ในระดับต่ำและมีโอกาสฟื้นตัวเนื่องจาก Fundamental ยัง Turnaround ได้แก่ TASCO, TIPCO ส่วนหุ้นใหญ่ที่เราคาดว่ามีโอกาส Perform ดีได้แก่ PTT, BANPU, IVL, IRPC, ADVANC และ BGRIM ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคงโดดเด่นที่ BBL, KBANK, TCAP และ TMB ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,730 จุดได้ในสัปดาห์นี้ กรอบดัชนีวันนี้ 1,707-1,723 จุด

 

หุ้นเด่นวันนี้: SAWAD (ราคาปิด 64.75บาท; ซื้อ;ราคาเป้าหมาย 12เดือนข้างหน้าของ AWS 77.00 บาท)

  • เราคาดแนวโน้มของ SAWAD ยังคงสดใสทั้งในช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4/60 รวมถึงนับจากนี้ เราคาดสินเชื่อบริษัทจะเติบโต 40% ในปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ เราคาด SAWAD จะแสดงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ดีขึ้น จากการที่ BFIT สามารถเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสินเชื่อที่มีหลักประกันได้สูงกว่า หรือที่ประมาณ 36% เทียบกับดอกเบี้ยของศรีสวัสดิ์ 2014 ที่ 25% รวมถึงมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า เราคาด NIM ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น 100bps จากปี 60 มาอยู่ที่ 5% ในปี 61 เราคาด EPS ของ SAWAD จะเติบโต 25.5% ในปี 60 และ 33.9% ในปี 61
  • Price Pattern ของ SAWAD ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจาณา Price Pattern ของ SAWAD มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 50 บาท ทั้งนี้ SAWAD มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 62 บาท (Resistance: 65.25, 66.00, 66.50; Support: 64.25, 63.75, 63.00)

 

ปัจจัยในประเทศ:

  • การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีมติเห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงิน 15 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมเห็นชอบแนวทางพัฒนาพื้นที่มักกะสันแปลงเอ เนื้อที่ราว 130 ไร่ โดยจะยกพื้นที่ให้เอกชนที่เข้ามาบริหารรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไปลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็นสัมปทานระยะเวลา 50 ปี (ที่มา: โพสต์ทูเดย์) ความเห็น มีความคืบหน้าต่อเนื่องเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการEEC ช่วยสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชน ส่งผลบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง นิคมอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์
  • มาตรการหนุนราคายาง รัฐบาลเห็นชอบมาตรการเพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เช่น การเสนอแพคเกจสินเชื่อมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการซื้อและตุนยางพารา (บางกอกโพสต์) ความเห็น: มาตรการดังกล่าวเป็นบวกต่อผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับยางพารา เช่น STA
  • มาตรการภาษีดันแบงก์ควบรวม กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะออกมาตรการภาษีเพื่อจูงใจให้ธนาคารไทยควบรวมกิจการ เพื่อขยายฐานให้ต่อสู้และแข่งขันกับธนาคารต่างประเทศได้ (บางกอกโพสต์) ความเห็น: มาตรการดังกล่าวตั้งเป้าเพื่อการควบรวมแบบสมัครใจมากกว่าที่จะบังคับ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการนี้
  • GPSC ลงนามสัญญาร่วมกับ NNCL พัฒนาโซลาร์รูฟท็อป : บริษัททั้งสองได้ตกลงที่จะจัดตั้งโครงการนำร่องที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครเพื่อรวมแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 7 เมกะวัตต์บนหลังคาโรงบำบัดน้ำเสียแบบพลังงานแสงอาทิตย์และโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ:ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (15 ธ.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ได้สำเร็จ

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาทองแดง:ปิดบวก 2% รับคาดการณ์อุปสงค์ทองแดงในจีนเพิ่มขึ้น หลังจากมีรายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ของจีน ปรับตัวขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 6.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ขยายตัวที่ระดับ 51.8 จากระดับ 51.6 ในเดือนต.ค
  • ราคาน้ำมันดิบ:(WTI เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 57.30 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 63.23 ดอลลาร์/บาร์เรล) หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ โดยลดลง 4 แท่นสู่ระดับ 747 แท่นในสัปดาห์นี้ แต่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลเหนือของอังกฤษ และ WTI ได้รับปัจจัยบวกจากสต๊อกน้ำมันของกลุ่มชาติอุตสาหกรรมต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปี ราว 2% ในช่วงต้น ธ.ค.เทียบกับที่สูงกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปี ราว 10% ในช่วงต้นปีนี้ ขณะที่อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น
  • ราคาทองคำ:ปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย (15 ธ.ค.) โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานขึ้นทำนิวไฮ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ค่าระวางเรือเทกอง:ปิดลบ 49 จุด หรือ -2.94% เป็น 1,619 จุด ลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา เรายังมองเป็นโอกาสรอเข้าซื้อ PSL และ TTA เมื่อราคาอ่อนตัว
  • ราคายางพารา: ปรับตัวขึ้นแตะ 2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ กก. เป็นครั้งแรกนับจากต่ำสุดเมื่อ 22 พ.ย.60 เริ่มส่งผลบวกต่อหุ้นที่มี High Correlation กับราคายางพารา คือ STA และ TRUBB