วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (18 ธ.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (18 ธ.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังได้รับแรงหนุนจากการปิดท่อส่งน้ำมัน Forties

+/- ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากแรงหนุนของอุปทานที่ตึงตัวจากการปิดดำเนินการของท่อขนส่งน้ำมัน Forties อย่างไรก็ตาม ยังคงถูกกดดันจากการปรับเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ

+ ท่อส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนืออาจจะปิดดำเนินการเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หลังจากที่มีการตรวจพบรอยรั่วก่อนหน้านี้ โดยล่าสุด (14 ธ.ค.) ได้มีการประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ครั้งแรกในรอบ 30 ปี สำหรับการส่งออกน้ำมัน

+ Baker Hughes รายงานจํานวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐ สําหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ธ.ค. 60 ปรับ ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 4 แท่น มาอยู่ที่ 747 แท่น ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์

- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับระดับการผลิตในช่วงกลางปี 2559 สู่ระดับ 9.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- CFTC รายงานสถานการณ์ลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขาย NYMEX ที่นิวยอร์ก และ ICE ที่ลอนดอน ประจําสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 12 ธ.ค. พบว่าผู้จัดการกองทุนปรับลดปริมาณการถือครองสัญญาน้ำมันดิบสุทธิ (Net Long Position) ลง เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันราว 7,542 สัญญา มาอยู่ที่ 435,200 สัญญา

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ ที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อจากประเทศอินโดนีเซีย และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในภูมิภาคเอเชียที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรับตัวดีขึ้น

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 54 - 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60 - 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน จากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำหลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,000 บาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้เต็มกำลังการขนส่ง นอกจากนี้โรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐ ยังคงกำลังการผลิตในระดับสูงต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ปรับลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ประมาณ 443 ล้านบาร์เรล
  • จับตาสถานการณ์การปิดซ่อมบำรุงท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการในเร็วนี้ได้หรือไม่ หลังพบรอยร้าวที่ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ส่งผลให้ต้องมีการหยุดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบซึ่งมีกำลังการขนส่งอยู่ที่ 450,000 บาร์เรลต่อวัน โดยทันทีและมีการลดกำลังการผลิตลง โดยบริษัท Ineos ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบดังกล่าวคาดจะใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ในการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties
  • ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2561 และจากการประมาณการของโอเปค ตลาดน้ำมันดิบจะเข้าสู่ภาวะขาดดุลที่ราว 700,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า โดยล่าสุดในเดือน ม.ค. ซาอุดิอาระเบียปรับลดปริมาณการส่งออกลง 100,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้าไปยังตลาดเอเชีย ขณะที่คงปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐ และยุโรปในระดับเดิม นอกจากนี้ ผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคปรับเพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 121 จากเดือน ต.ค. ที่ร้อยละ 100

---------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999