อดีตแกนนำพธม. ประเมินพรรคทหาร ตั้งง่ายแต่อยู่ยาก

อดีตแกนนำพธม. ประเมินพรรคทหาร ตั้งง่ายแต่อยู่ยาก

หัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย และอดีตแกนนำพธม. ประเมินพรรคทหาร ตั้งง่ายแต่อยู่ถาวรยาก มอง "สมคิด" สังคมไม่นิยม เหตุมีภาพอยู่กับ "ทักษิณ" ทำนโยบายเศรษฐกิจไม่เข้าเป้า

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีแนวคิดตั้งพรรคทหาร ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค ว่าเป็นประเด็นที่เคยได้ยินมาระยะหนึ่ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้ชื่อพรรคการเมืองดังกล่าวว่าอย่างไรและทราบว่าแนวทางของการจัดตั้งจะคล้ายกับพรรคสามัคคีธรรม โดยตนมองว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นสามารถทำได้ง่าย แต่จะทำให้พรรคมีความยั่งยืนเป็นเรื่องยาก เพราะต้องสัมพันธ์กับผู้นำของพรรคการเมืองด้วย

หากพิจารณาคุณสมบัติของนายสมคิดในมุมมองสังคม เชื่อว่าจะมีกระแสไม่ยอมรับ และเชื่อว่าเป็นโจทย์ที่ไม่มีทางทำสำเร็จ เพราะนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของนายสมคิดนั้นภาคประชาสังคมไม่นิยม เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์ อีกทั้งนายสมคิด ยังติดภาพของการทำงานภายใต้รัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทั้งนี้มีข้อควรระวังสำหรับการจัดตั้งพรรคของทหาร ที่เคยมีบทเรียนทั้ง พรรคมนังคศิลา หรือพรรคสามัคคีธรรม ที่ประชาชนไม่ยอมรับและรัฐบาลอาจอยู่ต่อไปไม่ได้ หรืออย่างกรณีการตั้งพรรคไทยรักไทยที่รวบรวมหลายพรรคการเมืองแต่สุดท้ายไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้

“การตั้งพรรคทหารที่ผ่านมา หากมองในแง่การศึกษา ผมคิดบวกว่าเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ด้านการเรียนรู้ แต่ความคิดของคนคำนวณยากว่าจะเป็นไปทิศทางไหน แต่ยุคนี้ที่มีเสรีภาพทางโซเชียลมีเดีย ผมเชื่อว่าความคิดตั้งพรรคทหารจะปั่นหัวประชาชนไม่ได้อีก ซึ่งกรณีที่อาจเกิดขึ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติ จะอยู่ได้ไม่ถาวร ประชาชนไม่ใช่วัสดุก่อสร้าง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการความคิดและความเคลื่อนไหวทางสังคมจะถูกยกระดับเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วยเช่นกัน” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งกรณีท่าทีที่ต้องการรีเซตระบบสมาชิกพรรค หรือให้ง่ายต่อการตั้งพรรคใหม่ทางการเมือง ด้วยว่า ตนสนับสนุนให้เกิดระบบสมาชิกพรรคการใหม่ที่เท่าเทียมกันทุกพรรค แต่ภายใต้ปรากฎการณ์ทางการเมืองที่หัวใจสำคัญคือการปฏิรูปทางการเมืองจำเป็นต้องมีแผน หรือมีรูปแบบที่ชัดเจน รวมถึงต้องมีความเป็นเอกภาพ กลับพบว่าแผนปฏิรูปที่ขับเคลื่อนไม่สามารถปฏิรูปได้อย่างแท้จริง เพราะไร้ทิศทาง ทั้งนี้ตนไม่คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายใดหรือไม่ เพราะบริบทของสังคมการเมืองไทยประชาชนมีสิทธิที่จะคิดหรือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่คาดไม่ถึงได้