หนุ่มขับเก๋งเกิดอาการวูบพุ่งชนท้ายกระบะบรรทุกคนงานอย่างจัง ดับ 1 เจ็บระนาว
เมื่อเวลา05.00น. วันที่16 ธันวาคม พ.ต.ท.พลัฏฐ์ ทับทิม รองผกก.(สอบสวน) สน.ทางด่วน1 รับแจ้งเหตุมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก บริเวณบนทางด่วนพิเศษฉลองรัช แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยทาง พิเศษฉลองรัช มูลนิธิร่วมกตัญญู และเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต๊กตึง
ที่เกิดเหตุเป็นถนน4 เลนอยู่บริเวณทางขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าชตุโชติ กม22+900 ฝั่งขาออก บริเวณเลนซ้ายสุดพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า2 สีแดง หมายเลขทะเบียน กฉ988 ปทุมธานี สภาพรถหันหน้ากลับบริเวณหน้ารถพังยับเยิน ตรวจสอบภายในรถพบนายวาที ช้างพลายเพชร อายุ32ปี เป็นผู้ขับขี่ ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอก ห่างออกไป100 เมตร พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว สีขาว หมายเลขทะเบียน 2ฒข 8384 กรุงเทพมหานคร สภาพโดนชนท้ายรถด้านขวา ข้างตัวรถได้รับความเสียหายจากการกระแทกกับแท่งบาริเออร์ข้างทาง
จากตรวจสอบภายในรถพบนายนิมิตร ทะหมุน อายุ 51 ปี เป็นผู้ขับขี่ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และยังมีคนงานเป็นชาย 1 คน นั่งอยู่ข้างคนขับหมดสติอยู่ภายในรถเจ้าหน้าที่ต้องนำร่างออกมาทำการช่วยเหลือเป็นการด่วนก่อนที่ชายดังกล่าวจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้บริเวณที่เกิดเหตุโดยรอบมีผู้บาดเจ็บนอนร้องขอความช่วยเหลือเกลื่อนถนน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องรีบนำผู้บาดเจ็บเข้าข้างทาง เพื่อทำการปฐมพยาบาลก่อนนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งรพ.พญาไทนวมินทร์ 8 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 3 คน รพ.นพรัตน์จำนวน4คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน และรพ.สายไหมเป็นชาย1 คน รวมมีผู้บาดเจ็บจำนวน13คน
จากการสอบถามนายวาที กล่าวว่าตนมีอาชีพเป็นเซลแมน ก่อนเกิดเหตุตนกำลังเดินทางกลับที่พักย่านปทุมธานีหลังตนเพิ่งจะกลับจากการออกบูธแถวสีลม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุตนเกิดอาการวูบไปก่อนจะมารู้สึกตัวอีกทีรถของตนก็ชนท้ายกระบะเข้าอย่างแรงจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
นายนิมิตร คนขับกระบะ กล่าวว่าตนเพิ่งรับคนงานจำนวน 10 กว่าคน มากจากย่านประตูน้ำเพื่อเดินทางไปทำงานที่ย่านสายไหม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังขับรถอยู่ที่เลนซ้ายสุด จู่ๆก็มีรถยนต์พุ่งชนด้านท้ายรถอย่างแรงจนทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับข้างทาง
ด้านพ.ต.ท.พลัฏฐ์ กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับผู้ใด เพราะต้องรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บก่อน ซึ่งหลังจากนี้จะให้ทางรพ.ที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทั้ง 2 คัน รักษาตัวอยู่ตรวจเลือดเพื่อหาผลปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดว่ามีหรือไม่ และต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนจะนำมาสรุปสำนวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนชายที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใครเนื่องจากตามตัวไม่พบเอกสารระบุตัวตน ซึ่งจะต้องนำศพส่งนิติเวชรพ.ตร.เพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตและพิสูจน์บุคคลจากลายนิ้วมือว่าผู้ตายเป็นใครก่อนจะทำการติดต่อญาติให้มารับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป