ปิดท่อส่งหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

ปิดท่อส่งหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 73,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.78 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้กับระดับการผลิตน้ำมันของรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดสหรัฐ ปิดตลาดวันศุกร์ (15ธ.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้น จากปัจจัยการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลเหนือของอังกฤษ และการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และการลดลงของสต็อกน้ำมันทั่วโลก แต่การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐเป็นปัจจัยจำกัดช่วงบวกในตลาด

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส  ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์  บวก 26เซนต์  ปิดตลาดที่ราคา 57.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 5 เซนต์ ปิดตลาดที่ราคา 63.26 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล

นักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันในกลุ่มชาติอุตสาหกรรมต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีราว 2% ในช่วงต้นเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับที่สูงกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีราว 10% ในช่วงต้นปีนี้ ขณะที่อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น

ด้านสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ระบุว่า ตลาดน้ำมันอาจเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า จากการที่สหรัฐทำการผลิตน้ำมันมากขึ้น หลังจากราคาดีดตัวขึ้น และการที่กลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีหน้า ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น แต่นอกจากโอเปกจะได้รับประโยชน์จากราคาที่ดีดตัวขึ้นแล้ว ผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์ ทำให้สหรัฐปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างมาก

ไออีเอ คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันจากกลุ่มนอกโอเปก ซึ่งรวมถึงสหรัฐ เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า และคาดว่า ปริมาณน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 97.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี

นอกจากนี้่ ไออีเอ ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 390,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ในปีหน้า จะอยู่ที่ 870,000 บาร์เรล/วัน