คาดลงนามสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานปีหน้า

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังลงนามความร่วมมือเพื่อประเมินโอกาสทางธุรกิจของโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานระดับโลก ระหว่างบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI และบริษัทแอร์บัสว่า ทั้ง 2 ฝ่าย จะร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อเจรจา ศึกษา วิเคราะห์ ประเมิน และตัดสินใจในการทำธุรกิจร่วมกัน และกำหนดขอบเขตเพื่อประเมินโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะการจัดตั้งธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน การจัดตั้งโรงซ่อมชิ้นส่วนวัสดุอากาศนานผสม เป็นต้น ซึ่งคาดหวังว่าการร่วมกันในครั้งนี้ จะนำไปสู่การทำสัญญาร่วมทุนระหว่างกันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561

ทั้งนี้ ได้ประเมินว่าศักยภาพของไทยมีความพร้อม ทั้งเรื่องของทำเลภูมิศาสตร์ แรงงานที่มีฝีมือ และศักยภาพทางด้านการตลาดที่จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย และคาดการณ์ฝูงบินที่ให้บริการทั่วทั้งเอเชียและแปซิฟิกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายใน 20 ปีข้างหน้า จากทั้งสิ้น 6,100 ลำ เป็น 17,000 ลำ ซึ่งประมาณการณ์มูลค่าของภาคส่วนการซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 664 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 10 ข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังประเมินว่า หากการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมถึงเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี การท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง และแผนการบินเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จะส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคได้แน่นอน

ทั้งนี้ งบในการลงทุนก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา คาดว่าจะใช้งบทั้งสิ้น 11,000 ล้านบาท โดยในส่วนแรก 7,000 ล้านบาท จะให้กองการบินทหารเรือดำเนินการก่อสร้างอาคาร และอีก 4,000 ล้านบาท การบินไทยและแอร์บัสจะร่วมกันลงทุนในส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นได้ประเมินว่าจะมีเครื่องบินเข้ามาใช้บริการ 2,000-3,000 ลำ และคาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 11 ปี และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ก่อนปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าที่ประมาณการไว้