มอบต้นกล้า 4 หมื่นต้น หนุนเกษตรกรปลูกกาแฟเสริมรายได้

มอบต้นกล้า 4 หมื่นต้น หนุนเกษตรกรปลูกกาแฟเสริมรายได้

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรลงพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา มอบต้นกล้า 4 หมื่น ผลักดันเกษตรกรปลูกกาแฟ เป็นพืชเสริม สร้างรายได้ หลังราคายางพาราตกต่ำ

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.60 ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร อ.ธารโต จ.ยะลา นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการจัดอบรมเทคโนโลยีการผลิตกาแฟโรบัสต้า และมอบต้นกล้ากาแฟโรบัสต้าจำนวน 40,000 ต้น ให้แก่เกษตรกรชาวยะลาในอำเภอธารโต โดยมีนายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายมุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา และเกษตรกรชาวอำเภอธารโต-เบตง จำนวน 60 คน เข้าร่วมพิธี

นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในเรื่องของการส่งเสริมการปลูกต้นกาแฟในพื้นที่ อ.ธารโต และอ.เบตง เป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดยะลา อบจ.ยะลา เทศบาลนครยะลา ในการนำพืชที่มีศักยภาพมาให้พี่น้องเกษตรกรใน 2 อำเภอ ได้มีอาชีพเสริม ด้วยการปลูกเสริมในสวนทุเรียน หรือสวนยางพารา โดยเฉพาะในสวนทุเรียนที่จะมีพื้นที่ว่าง และแสงเพียงพอ ก็จะเหมาะในการปลูกต้นกาแฟ เป็นรายได้เสริม หรือพี่น้องเกษตรกรบางส่วนอาจจะปลูกต้นกาแฟอย่างเดียวก็สามารถทำได้ เพื่อที่จะลดการพึ่งพาการปลูกพืชเชิงเดียว ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ให้เกษตรกรลดความเสี่ยง จากการที่จะมีรายได้จากพืชใดพืชหนึ่งเพียงฤดูกาลเดียว ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ ประกอบกับพบว่าหลังจากทดลองปลูกกาแฟในพื้นที่ อ.ธารโต ในห้วงที่ผ่านมา ได้กาแฟที่มีคุณภาพ

“ในห้วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา พื้นที่การปลูกกาแฟของประเทศไทยได้ลดลงเป็นอย่างมาก เพราะมีพืชอื่นมาแย่งพื้นที่ไป เนื่องจากมีราคาที่สูงกว่า แต่ปัจจุบันความต้องการกาแฟในประเทศค่อนข้างสูงเนื่องจากปริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป กาแฟในประเทศไม่เพียงพอ จึงต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย หรือ สปป.ลาว จึงเป็นเรื่องที่ดี ที่มีโครงการนี้ให้กับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ได้มีโอกาสที่มีรายได้เสริมจากกาแฟ ที่การผลิตกาแฟในพื้นที่นี้จะมุ่งเน้นไปที่กาแฟที่มีคุณภาพ มากกว่ากาแฟทั่วๆไป นี่คือประเด็นที่ต้องการ ซึ่งการปลูกกาแฟนั้น ใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็เริ่มให้ผลผลิตได้แล้ว” นายสุวิทย์ กล่าว

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ทางกระทรวงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรได้ปลูกแล้ว ก็จะมีการมองอนาคตในเรื่องของการตลาดด้วย ซึ่งได้มีการพูดคุยหารือ ร่วมกับท่านผู้ว่าราชการยะลาแล้วว่า จะมีการหากลไกลเข้ามารับซื้อผลผลิตจากพี่น้องประชาชน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มีการปลูกกาแฟที่มีคุณภาพ ตลาดที่จะนำไปขายก็จะเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง เช่นประเทศจีน โดยทราบว่าท่านนายกเ?ศมนตรีนครยะลา ได้มีการประสานงานกับประเทศจีนแล้วเบื้องต้น ที่จะนำกาแฟล๊อตแรกไปเปิดตัว

ด้านนายสมชาย เชี่ยวชาญศิลป์ ปธ.กลุ่มยังสมาทฟาร์มเมอร์ยะลา เกษตรกรจาก อ.เบตง จ.ยะลา เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่ดีที่เกษตรกรในพื้นที่ได้มีโอกาส ตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดยะลา ในการปลูกกาแฟ เพื่อเป็นพืชเสริมในสวนยาง ซึ่งในขณะนี้ราคายางตกต่ำมาก จึงเป็นโอกาสหนึ่งที่สามารถเพิ่มรายได้ ให้กับครอบครัวได้ ที่ผ่านมาเกษตรกรเองก็พยายามหาพืชที่จะมาทดแทนยางพารา และก็พบว่ากาแฟ น่าจะสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจได้ในอนาคต โดยตนเองได้เริ่มปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบีก้าแล้วจำนวน 5 พันต้น แต่ในวันนี้ก็ได้มารับทราบวิธีการปลูกสายพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ก็มีความกังวลในเรื่องของการตลาดในอนาคต แต่หลังจากที่ได้มารับฟังจากท่านอธิบดี และท่านผู่ว่า ก็ทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าจะมีการผลักดันส่งเสริมการตลาดให้กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกกาแฟในพื้นที่

ส่วนทางด้านนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าว่า เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติที่ระบุว่าเศรษฐกิจจังหวัดยะลาในปัจจุบันมาจากภาคการเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะจากการปลูกยางพาราซึ่งครอบคลุมพื้นที่การปลูกในทุกอำเภอของจังหวัดยะลา แต่ในปัจจุบันราคายางพาราตกต่ำลงอย่างมาก ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจจังหวัดยะลาซบเซาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาภาคการเกษตรของจังหวัดยะลา โดยการหาพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กับสภาวะแวดล้อมภูมิอากาศ และดินของจังหวัดยะลา อีกทั้งเป็นพืชที่มีอนาคต และเป็นทีต้องการของตลาดในประเทศ และตลาดโลก

“กาแฟโรบัสต้า เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมกาแฟ เพราะมีรสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นหอม จึงมีการปลูกกันมากอย่างกว้างขวาง สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่และสภาพอากาศของภาคใต้ อีกทั้งเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีอนาคตไกล สามารถส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรชาวยะลาปลูกแซมในสวนยางพาราได้ในระยะแรก ปัจจุบันราคาจำหน่ายประมาณกิโลกรัมละ 110 บาท อันจะเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการเกษตรของยะลาได้เป็นอย่างดี จึงนับเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่กรมวิชาการเกษตรจะฝึกอบรมเทคโนโลยีการผลิตแกแฟโรบัสต้าให้แก่เกษตรกรชาวยะลา พร้อมกับมอบต้นกล้ากาแฟโรบัสต้าเพื่อเป็นการเริ่มต้นการปลูกกาแฟโรบัสต้าอย่างจริงจังในจังหวัดยะลา นอกจากการส่งเสริมการปลูกกาแฟที่อำเภอธารโตแล้ว ยังมีแนวคิดที่จะส่งเสริมการปลูกข้าวในตำบลบุดี ส่งเสริมการปลูกพริกที่มีตลาดรองรับเป็นจำนวนมากที่ตำบลยุโป และส่งเสริมการปลูกอินทผลัมที่อำเภอรามัน ซึ่งจะเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดยะลาให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว