นอภ.ปาดีบุกรวบ อส.รายที่ 8 ค้ายาบ้า

นอภ.ปาดีบุกรวบ อส.รายที่ 8 ค้ายาบ้า

นายอำเภอปาดีบุกรวบ อส.รายที่ 8 ค้ายาบ้า หลังเตือนแล้วหลายครั้งแต่ไม่ยอมหยุด

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 ธ.ค. 60 ที่สถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส พ.ต.ท.มนตรี เอี่ยมระหงส์ รอง ผกก.สส.สภ.สุไหงปาดี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายรอฮิม ตาเฮ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/7 ม.9 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.สุไหงปาดี ปฏิบัติหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลโต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี พร้อมยาบ้า จำนวน 11 เม็ดและน้ำกระท่อม 11 ถุง ที่ซุกซ่อมอยู่ในห้องโถงภายในบ้านพัก

ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้เสพยาเสพติดในเวลาช่วงที่ผ่านมาหลายราย และผู้ต้องหาทุกคนต่างได้ให้การซักทอดว่า ยาบ้าได้แอบลักลอบซื้อจากนายรอฮิม นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี จึงได้ตัดสินใจวางแผนร่วมกับ พ.ต.ท.มนตรี เอี่ยมระหงส์ รอง ผกก.สส.สภ.สุไหงปาดี ก่อนที่จะนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง บุกตรวจค้นบ้านพักของนายรอฮิม เมื่อนายรอฮิม เห็นนายอำเภอสุไหงปาดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงกับหน้าถอดสีและเมื่อเจ้าหน้าที่ได้แยกย้ายกันตรวจค้นบ้านพัก พบของกลางยาบ้าและน้ำกระท่อม นายรอฮิม จึงได้ยกมือไหว้ขอโทษนายอำเภอสุไหงปาดี ที่เคยได้ตักเตือนตนหลายครั้งแล้วแต่ตนไม่เชื่อฟัง

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายรอฮิม พร้อมของกลางมาสอบสวนที่ สภ.สุไหงปาดี โดยนายรอฮิม ให้การรับสารภาพว่า ของกลางดังกล่าวเป็นของตนที่ตั้งตัวเป็นเอเย่นต์รายย่อย ลักลอบจำหน่ายให้กับเยาวชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า และมียาเสพติดประเภท5 น้ำกระท่อมไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ด้านนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี กล่าวว่า สำหรับนายรอฮอิม ตนต้องบุกจับกุมด้วยตนเอง เพราะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง ที่สร้างภาพลักษณ์ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้รับความเสียหาย ซึ่งตนเคยได้ตักเตือนให้เลิกพฤติกรรมมาแล้วหลายครั้ง แต่นายรอฮิม ไม่เคยเชื่อฟังกลับยังมาลักลอบจำหน่ายยิ่งกว่าเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยได้บุกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงปาดี ที่มีพฤติกรรมเหมือนนายรอฮิม มาแล้ว 7 นาย และอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.สุไหงปาดี 7 นาย ซึ่งนายรอฮิม ถือว่าเป็น อส.รายที่ 8 รวมทั้งสิ้น 15 นาย ซึ่งต้องออกจากราชการไป