จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ซุกโกดังตรงข้ามตลาดโรงเกลือ

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 15 ธ.ค.60 นายพงษ์เทพ บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการศุลกากรภาค 1 ได้สั่งการให้ นายสุพัฒน์พงษ์ แซ่ลิ้ม รักษาการนายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับพ.ต.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1201(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1201) พ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.คลองลึกฯ,พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย จนท.ปอศ(ปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ) และ มทบ.19 สนธิกำลังร่วมกันบุกเข้าตรวจค้นตึกแถวชั้นเดียวเลขที่ 185/152 ซึ่งเป็นห้องริมสุดของอาคารG54ในตลาดเดชไทย ตรงข้ามตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลัง จนท.สืบทราบว่าห้องดังกล่าวได้ลักลอบทำเป็นโกดังเก็บซุกซ่อนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ไว้เป็นจำนวนมาก

ซึ่งเมื่อ จนท.ไปถึงพบว่าห้องเลขที่ดังกล่าวมีประตูเหล็กม้วนปิดไว้ แต่ไม่ได้ล็อกกุญแจจึงเปิดดูพบภายในห้องดังกล่าวมีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จำพวกเสื้อกีฬา,กระเป๋า และรองเท้าผ้าใบ จำนวนมากบรรจุในกระสอบพลาสติค เรียงซ้อนกันกว่า 100 กระสอบ จึงได้ร่วมกันตรวจยึดไว้ พร้อมทำการตรวจสอบ พบว่ามีเสื้อกีฬาละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์ดังต่างประเทศ กว่า 40 กระสอบ ,รองเท้ากีฬา และรองเท้าผ้าใบ ละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์หรูของต่างประเทศกว่า 40 กระสอบและ กระเป๋าถือสตรีและบุรุษ ละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์หรูต่างประเทศอีกเกือบ30กระสอบ ซึ่ง จนท.คาดว่ามีมูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท จึงร่วมกันตรวจยึดและขนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดมาตรวจสอบที่ สำนักงานด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

นายพิสันต์ แตงคูหา นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ด่านศุลกากรอรัญประเทศฯ และ พ.ต.ท.ทศพร หงส์ทอง สว.กก.2 บก.ปอศ ร่วมกันเผยว่าการตรวจยึดและจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ซุกซ่อนอยู่ในห้องแถวที่ดัดแปลงมาเป็นโกดังซุกซ่อนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในครั้งนี้เนื่องมาจากการจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ผ่านมาและได้ทำการสอบสวนเพื่อขยายผลจนกระทั่งทราบว่ามีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ลักลอบนำมาซุกซ่อนไว้ที่ห้องแถวดังกล่าว จึงได้ร่วมกับหลายหน่วยงานในพื้นที่บุกเข้าทำการจับกุมไว้ได้แต่ไม่สามารถจับกุมเจ้าของสินค้าได้เนื่องจากคาดว่าเจ้าของหรือผู้ดูแล น่าจะเป็นชาวกัมพูชาไหวตัวทันได้หลบหนีไปก่อนหน้าที่ จนท.จะบุกเข้ามาถึง ซึ่งจะได้นำสินค้าทั้งหมดส่งให้ จนท.ด่านศุลกากรอรัญประเทศ นำไปเก็บรักษาและสอบสวนเพื่อขยายผลจับกุมเจ้าของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รายนี้มาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งมูลค่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่จับได้นี้มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจนับล้านบาททีเดียว