Daily Strategy (15 ธ.ค.60)

Daily Strategy (15 ธ.ค.60)

ใกล้ High เดิม ระวังแรงขายทำกำไร

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเดินหน้าทดสอบ High เดิมที่บริเวณ 1,730 จุด จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันที่ได้เม็ดเงินใหม่จากกองทุน LTF-RMF ในช่วงสิ้นปีนี้ ในขณะที่สัปดาห์หน้าจะนักลงทุนต่างชาติน่าจะลดบทบาทลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี อย่างไรก็ตามตลาดต่างประเทศเริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ขาดปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ให้แบ่งขายทำกำไรที่บริเวณ 1,730จุดบางส่วน เพื่อเก็บเม็ดเงินไว้ลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับลงมา โดยหุ้นแนะนำยังเน้นหุ้นใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบัน ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (PTTEP, BANPU, IRPC) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, TMB, TCAP) เราเลือก IRPC เป็น Pick of  the day ค่าระวางเรือวันนี้ปรับลดลงแรง-3.58% ส่งผลลบต่อ PSL, TTA แต่เรามองว่าปรับลงมาแรงยังเป็นโอกาสซื้อ หาก BDI ยังยืนเหนือระดับ1,400 จุดที่เป็นจุดคุ้มทุน มอง BDI ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น

 

หุ้นเด่นวันนี้: IRPC (ราคาปิด 6.65 บาท; ซื้อ; AWS ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท)

  • โครงการ UHV สามารถเดินเครื่องผลิตเต็มที่ได้ในไตรมาส 4/60 ทำให้โรงกลั่นมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 5% ขณะที่ Nameplate Capacity อยู่ที่ 215,000 บาร์เรลต่อวัน รวมถึงโครงการ PPE เริ่มผลิตตามแผน ทำให้ IRPC มีกำลังผลิต Propylene เพิ่ม 63% เป็น 715,000 ตันต่อปี และโครงการ PPC กำลังผลิต 140,000 ตันต่อปี อยู่ระหว่างการทดสอบคาดว่าจะเริ่มผลิตต้นปี 2561 คาดว่าทำให้ GIM เพิ่มขึ้นอีกราว 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาโครงการโรงงานอะโรเมติกส์ 1 ล้านตัน รวมถึงโครงการเพิ่ม Value Added ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยจะเน้นความเป็น Specialty เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่ยังเน้นผลิตสินค้า Commodity เป็นหลัก ซึ่งราคาขายของผลิตภัณฑ์ Specialty จะสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในปัจจุบันราว 10% ขึ้นไป เราแนะนำซื้อ IRPC คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 และปี 2561 เติบโต 6.2% และ 28% ตามลำดับ ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท
  • Price Pattern ของ IRPC ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, &Monthly Buy Signal แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 70 บาท หาก Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 6.70 บาท จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 8.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 10.30 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ IRPC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5.95 บาท  (Resistance: 6.70, 6.75, 6.85; Support: 6.60, 6.50, 6.45) 

หุ้นเด่นวันนี้: IRPC (ราคาปิด 6.65 บาท; ซื้อ; AWS ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท)

  • โครงการ UHV สามารถเดินเครื่องผลิตเต็มที่ได้ในไตรมาส 4/60 ทำให้โรงกลั่นมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 5% ขณะที่ Nameplate Capacity อยู่ที่ 215,000 บาร์เรลต่อวัน รวมถึงโครงการ PPE เริ่มผลิตตามแผน ทำให้ IRPC มีกำลังผลิต Propylene เพิ่ม 63% เป็น 715,000 ตันต่อปี และโครงการ PPC กำลังผลิต 140,000 ตันต่อปี อยู่ระหว่างการทดสอบคาดว่าจะเริ่มผลิตต้นปี 2561 คาดว่าทำให้ GIM เพิ่มขึ้นอีกราว 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาโครงการโรงงานอะโรเมติกส์ 1 ล้านตัน รวมถึงโครงการเพิ่ม Value Added ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยจะเน้นความเป็น Specialty เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่ยังเน้นผลิตสินค้า Commodity เป็นหลัก ซึ่งราคาขายของผลิตภัณฑ์ Specialty จะสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในปัจจุบันราว 10% ขึ้นไป เราแนะนำซื้อ IRPC คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 และปี 2561 เติบโต 6.2% และ 28% ตามลำดับ ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท
  • Price Pattern ของ IRPC ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, &Monthly Buy Signal แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 70 บาท หาก Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 6.70 บาท จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 8.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 10.30 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ IRPC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5.95 บาท  (Resistance: 6.70, 6.75, 6.85; Support: 6.60, 6.50, 6.45) 

ปัจจัยในประเทศ:

  • รัฐเตรียมเร่งเจรจาการค้าเสรีกับ EU โดยที่กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายให้เร่งเตรียมการเจรจาในข้อตกลงการค้าเสรีกับ EU หลังจากที่ EU ตกลงจะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทยในทุกระดับ (บางกอกโพสต์)
  • คาดเปิดประมูลรถไฟความเร็วสูงไทย – ญี่ปุ่นปี 62 รมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงความร่วมมือระหว่างไทย – ญี่ปุ่น ว่าขณะนี้ญี่ปุ่นได้สรุปรายงานผลการศึกษาระยะที่ 1 เส้นทาง กรุงเทพฯ – พิษณุโลก มูลค่าการลงทุน 8 แสนล้านบาทแล้ว และหลังจากนี้จะเร่งสรุปแนวทางดำเนินโครงการที่ชัดเจนก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในเดือน ก.พ. 2561 โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในปี 62 (ไทยโพสต์)

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง (DJ -0.31%, S&P -0.41% ,NASDAQ -0.28%)หลังจากปรับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างเปิดตลาด เป็นการปรับลงเป็นวันแรกหลังจากทำให้สถิติปิดบวกติดต่อกัน 5 วัน ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ โดยนาย Mike Lee ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของพรรค Republican ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนกฎหมายปฎิรูปภาษีหรือไม่ ขณะที่ นาย Marco Rubio  ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของพรรค Republican เช่นกันยังคงต่อต้านกฎหมายปฎิรูปภาษีดังกล่าว
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเช่นกัน (DAX -0.44%,FTSE -0.65% ,CAC -0.78%) โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค (Utilities) ที่ปรับตัวลงแรงประมาณ 1.3% โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างการพิจารณานโยบายของธนาคารกลางยุโรปล่าสุดที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่0% ต่อไป รวมถึงปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2561 ขึ้นจาก 1.8%  เป็น 2.3% เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนต่อไป

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันทรงตัว (WTI +0.07%, BRENT -0.05% ) ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากความพยายามควบคุมปริมาณการผลิตของ OPEC และรัสเซีย ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ จากแหล่ง Shale oil ที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยกดดัน
  • ราคาทองคำทรงตัวเช่นกัน โดย US gold futures ปิดที่1,253.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือ -0.1%แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายขึ้น แต่ข่าวความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ กลายเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะสั้น
  • ค่าการกลั่นทรงตัว ปิดที่ 43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง -0.13%
  • ค่าระวางเรือเทกอง (Baltic Dry Index) วันนี้ปรับลดลง 62 จุด ปิดที่ 1,668 จุด ลดลง -3.58% ส่งผลลบต่อ PSL (AWS TP 15.5 บาท), TTA (AWS TP 13.0 บาท) แต่เรามองว่าปรับลงมาแรงยังเป็นโอกาสซื้อ หาก BDI ยังยืนเหนือระดับ 1,400 จุดที่เป็นจุดคุ้มทุน มอง BDI ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น