ดีเอสไอจับ 2 ตัวการแชร์เทรดหุ้นข้ามชาติ

ดีเอสไอจับ 2 ตัวการแชร์เทรดหุ้นข้ามชาติ

"ดีเอสไอ" รวบ 2 ตัวการใหญ่ขบวนการต้มตุ๋นแชร์เทรดหุ้นข้ามชาติเสียหาย 1,700 ล้านบาท แฉเช่าเฮลิคอปเตอร์หรู ทำเพจข่าวซีเอ็นเอ็นปลอมจูงใจนักลงทุน

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.อ ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยและต่างชาติ รวม10 ราย เป็นชาวต่างชาติ 8 ราย และชาวไทย 2 ราย คือ นายรัฐเขต ฉายารัตน์ หรือดร.กบ และนางกนกกุล พรอภิโชติ ตามหมายศาลในฐานความผิดองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และพ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หลังพบพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติตั้งบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

สำหรับพฤติการณ์กระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาเริ่มต้นตั้งแต่เดือน ธ.ค. 59 มีผู้เสียหายได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนมาดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก ได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายนำเงินไปร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะนำเงินลงทุนไปซื้อขายดัชนีหุ้นต่างประเทศเพื่อทำกำไร หากร่วมลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงมากตามแพ็คเกจที่ลงทุน และสามารถถอนผลตอบแทนและเงินต้นคืนได้ตลอดเวลานอกจากนี้ยังหลอกให้หลงเชื่อโดยสร้างความน่าเชื่อถือต่าง ๆ เช่น การจัดทำเว็บไซต์ที่แสดงว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกมาจากสหรัฐอเมริกาและเปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 10 ปี มีผู้เชี่ยวชาญที่จะนำเงินลงทุนของผู้เสียหายไปบริหารจัดการเพื่อให้ได้แต่ผลกำไรเท่านั้นโดยไม่มีขาดทุน และแอบอ้างว่า มีสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่งเป็นผู้รับประกันสภาพคล่องทางการเงินให้กับบริษัท รวมทั้งมีการจัดบรรยายชักชวนตามโรงแรมหรูต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

"ในการประชุมบรรยายแผนการตลาดมีการจัดงานใหญ่ที่พัทยา มีผู้ร่วมงานจำนวนหลายร้อยคน มีการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินที่มีชื่อเสียง นับเป็นการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท และดึงดูดให้ผู้เสียหายลงทุนมากขึ้น และยังใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนและน่าเชื่อถือมาเป็นผู้บรรยายชักชวนเพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความมั่นใจและหลงเชื่อร่วมลงทุนด้วย ทำให้เกิดมีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะสูงถึงกว่า 1,700 ล้านบาท ทั้งนี้ยังพบว่า บริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัดกับพวก ไม่ได้ประกอบธุรกิจจริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทใดๆในประเทศไทยอันจะสามารถจ่ายผลตอบแทนในอัตราที่สูงได้ตามที่โฆษณาอีกด้วย" อธิบดีดีเอสไอกล่าว

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างชาติได้รวมตัวกันเพื่อก่อเหตุในคดีนี้โดยมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากมีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยร่วมกันวางแผนทั้งในและต่างประเทศเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายในไทย และยังมีการจัดบรรยายชักชวนให้ผู้เสียหายในต่างประเทศหลงเชื่อร่วมลงทุนกับบริษัท เช่น มาเก๊า จีน และมาเลเซีย ซึ่งในการแบ่งหน้าที่กันทำนั้นประกอบด้วย 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มแรกทำหน้าที่ในการเปิดบริษัทและทำกิจกรรมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น การจัดบรรยายตามโรงแรมต่างๆ และกลุ่มที่สองทำหน้าที่ในการยักย้ายถ่ายโอนเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากผู้เสียหาย และเปิดบัญชีบริษัทนอมินีขึ้นมาเพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหาย ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างเร่งจับกุมบุคคลตามหมายจับที่เหลือและเร่งขยายผลไปยังเครือข่ายต่อไป

ด้านพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาชาวต่างชาติค่อนข้างมีความรู้ โดยใช้วิธีต่างๆ หลอกลวงให้เกิดความน่าเชื่อถือโดยนายริชาร์ดซึ่งเป็นชื่อปลอมของผู้ต้องหา มีสถานะเป็นผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ แต่ปลอมเอกสารเข้าประเทศไทยร่วมกับผู้ต้องหาชาวสิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์ เพื่อหลอกลวงนักลงทุนชาวไทยให้หลงเชื่อนำเงินมาลงทุนเทรดหุ้นกับบริษัทอีเกิ้ลฯ โดยจะใช้วิธีการสร้างภาพด้วยการใช้เช้าเฮลิคอปเตอร์เหมาลำมาลงจอดเพื่อร่วมจัดกิจกรรมเปิดตัวบริษัทที่พัทยา ตลอดจนเช่าห้องประชุมโรงแรมหรูเป็นสถานที่บรรยายแผนการตลาด รวมทั้งซื้อหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนนำมาเปลี่ยนหน้าปกอ้างเป็นชื่อตัวเองเป็นผู้เขียนแล้วขายให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ยังทำเพจข่าวซีเอ็นเอ็นปลอม เพื่อหลอกลวงอีกด้วย

"ดีเอสไอได้ประสานกระทรวงมาตุภูมิ ประเทศสหรัฐอเมริกาตรวจสอบบริษัทอีเกิ้ลฯ พบว่ามีการก่อตั้งบริษัทจริง แต่ไม่เคยประกอบกิจการ มีเพียงการขายต่อกิจการเพื่อให้ผู้ลงทุนนำชื่อบริษัทไปใช้ สำหรับบริษัทอีเกิ้ลฯในไทยเข้ามาเปิดตัวตั้งแต่ปี 2559 หลอกลวงนักลงทุนทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก และยังเชื่อมโยงถึงขบวนการฟอกเงินกับกลุ่มนักค้ายาเสพติด ซึ่งนอกจากจะถูกดำเนินคดีแชร์ลูกโซ่ฉ้อโกงประชาชนแล้ว ดีเอสไอจะดำเนินคดีฟอกเงินและการรวมตัวลักษณะเป็นแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากการตรวจค้นพบแผนการตลาดแปลเป็นภาษาต่างประเทศ 5 ภาษา" รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าว