"ออริจิ้น"ลุยโรงแรมดึง‘ไอเอชจี’บริหาร ปีหน้าโหมมิกซ์ยูส

"ออริจิ้น"ลุยโรงแรมดึง‘ไอเอชจี’บริหาร ปีหน้าโหมมิกซ์ยูส

“ออริจิ้น”เดินหน้าขยายธุรกิจอสังหาฯครบวงจร ดึงเชน“ไอเอชจี”บริหารโรงแรม 3 แห่ง มูลค่า 7.5 พันล้าน เปิดตัว "สเตย์บริดจ์ สวีท"แห่งแรกในเอเชีย ยึดทำเลทองหล่อ-ศรีราชา เจาะตลาดญี่ปุ่น-อีอีซี ปีหน้าลุยผุดมิกซ์ยูส 4 โครงการ-ตลาดสำนักงาน

ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของ"ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้"นอกจากการพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบรวม 45 โครงการ มูลค่า 7.2 หมื่นล้านบาท  ยังเดินหน้าขยายการลงทุนครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า และคอมมูนิตี้มอลล์  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการก้าวสู่ผู้นำอสังหาฯระดับท็อปทรี ในปี 2565

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน นอตติ้ง ฮิลล์ ไนท์บริดจ์ และพาร์ค เปิดเผยว่าการขยายธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนวียน  ปีนี้ประกาศแผนลงทุนโรงแรม 3 โครงการ มูลค่าทรัพย์สินหลังการก่อสร้างอยู่ที่ 7,500 ล้านบาท โดยได้เซ็นสัญญานำแบรนด์และเชนของเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) เข้ามาบริหารโรงแรมทั้ง 3 แห่ง จำนวน 2 แบรนด์  คือ ฮอลิเดย์อินน์ และ สเตย์บริดจ์ สวีท (Staybridge Suites) ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของไอเอชจี ที่เข้ามาให้บริการครั้งแรกในไทยและเอเชีย

โรงแรมทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ขนาด 303 ห้อง มูลค่า 2,500 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการไตรมาส 4 ปี 2562 ,โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา ขนาด 400 ห้อง มูลค่า 2,800 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการไตรมาส 4 ปี2563 และโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง ขนาด 347 ห้องพัก มูลค่า 2,200 ล้านบาท  ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการออริจิ้น ดิสทริค เปิดให้บริการ ไตรมาส 1 ปี 2563 

จับมือ“โนมูระ”ลงทุนโรงแรมทองหล่อ

สำหรับโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ เป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัทโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาใหม่ เพื่อบริหารโครงการดังกล่าว  ออริจิ้นถือหุ้น 51%  โนมูระ 49% 

การร่วมทุนโนมูระ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ติดอันดับท็อปทรี ของญี่ปุ่น เพื่อขยายธุรกิจโรงแรม ถือเป็นการลงทุนต่อเนื่อง หลังจากร่วมทุนโครงการคอนโด 4 โปรเจค ได้แก่ ไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน จำนวน 334 ยูนิต  ,ไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช จำนวน 601 ยูนิต ,ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง จำนวน 685 ยูนิต  และโครงการคอนโดไฮเอนด์ บนพื้นที่ดินแปลง อารีน่า 10 (ทองหล่อซอย 10) ภายใต้แบรนด์ “พาร์ค”  รวมโปรเจคร่วมทุน 5 โครงการ มูลค่า  1.96 หมื่นล้านบาท

ปีหน้าลุยมิกซ์ยูส-สำนักงาน

นายพีระพงศ์  กล่าวว่าสำหรับแผนธุรกิจปี 2561 คาดว่าจะมีการลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส 3-4 โครงการ พื้นที่ 2 หมื่นตร.ม. ปัจจุบันมีที่ดินอยู่แล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อเพิ่มเติม รวมทั้งรูปแบบเช่า 

ปีหน้าบริษัทมองโอกาสขยายธุรกิจอสังหาฯ ประเภทสำนักงานเพิ่มเติม คาดว่าจะเปิดตัวได้ 1 โครงการ การลงทุนดังกล่าวพร้อมหารือร่วมกับพันธมิตรโนมูระ ที่มีการแผนพัฒนาอสังหาฯ รูปแบบเช่าหลายประเภท และสนใจลงทุนในตลาดสำนักงานด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันทำเลย่านเพลินจิตและสุขุมวิท ยังมีความต้องการพื้นที่สำนักงานเช่า บริษัทศึกษาการลงทุนในหลายทำเล รวมทั้งการเจรจาซื้ออาคารสำนักงาน 

ทางด้านแผนลงทุนคอนโดปี 2561 มีมูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโปรเจคร่วมทุน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งกลุ่มโนมูระเดิม และมีความเป็นไปได้ที่จะมีพันธมิตรร่วมทุนจากจีนเข้ามาด้วย ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา เนื่องจากกลุ่มทุนจีนเห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ เช่นเดียวกับทุนญี่ปุ่น และมีความพร้อมด้านเงินลงทุน 

ทั้งนี้ แผนการลงทุนที่อยู่อาศัยและธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนรูปแบบต่างๆ เพื่อให้บริษัทเดินไปสู่เป้าหมายธุรกิจ 5 ปี หรือในปี 2565 ที่จะติดอันดับท็อปทรี ผู้นำธุรกิจอสังหาฯ ที่มีรายได้รวม 2.5-2.6 หมื่นล้านบาท  สัดส่วน 70% เป็นรายได้จากการขาย และ 30% เป็นรายได้จากค่าเช่า

ปี 2561 วางเป้าหมายยอดขายเติบโต 30-40% การรับรู้รายได้เติบโต 50% ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท  โดยจะทยอยรับรู้ ไปได้ถึงปี 2564

“การลงทุนที่อยู่อาศัยและธุรกิจสร้างรายได้หมุนเวียน เป็นการต่อจิ๊กซอว์เป้าหมายท็อปทรีผู้นำอสังหาฯ จากรายได้ทุกประเภท ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ อาคารสำนักงาน และค้าปลีก"

โนมูระเดินหน้าลงทุนเอเชีย

นายโทชิฮิเดะ สึคาซากิ เจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย การจัดการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า โนมูระถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรในญี่ปุ่น การร่วมลงทุนธุรกิจโรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ กับออริจิ้น  ถือเป็นการลงทุนโรงแรมในต่างประเทศนอกญี่ปุ่นของบริษัท โดยมั่นใจในศักยภาพทำเลทองหล่อ ซึ่งเป็นทำเลธุรกิจที่มีความต้องการการพักอาศัยของชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่น 

“ไทยมีการเติบโตด้านเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ ทำให้เพิ่มโอกาสธุรกิจอสังหาฯ เติบโต บริษัทจึงตัดสินใจเลือกไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่เข้ามาลงทุนนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก”

ปีหน้าบริษัทยังไม่ได้กำหนดมูลค่าการลงทุน แต่หากมีโอกาสและมีความน่าสนใจในโครงการไหน ก็พร้อมจะเข้าไปลงทุน โดยอยู่ระหว่างศึกษาด้านโลจิสติกส์และลงทุนอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ หลายโครงการ

สำหรับการลงทุนครั้งนี้  ถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนภายใต้แผนการเติบโตระยะกลาง-ยาวของโนมูระ ตั้งแต่ปีงบการเงิน 2559-2567 (สิ้นสุด มี.ค.2568) ด้วยการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะเอเชีย ภายใต้งบลงทุน  3 แสนล้านเยน (ราว 9.06 หมื่นล้านบาท) ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนไปแล้ว ประมาณ 9,000 ล้านบาท หรือราว 10% ของงบลงทุนทั้งหมด โดยมีการลงทุนในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และจีน รวมถึงไทย ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความต้องการของตลาดอสังหาฯในเมียนมาร์  การลงทุนต่างประเทศ บริษัทต้องการร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นของในแต่ละประเทศ

โรงแรมเจาะลูกค้าญี่ปุ่น-อีอีซี

นางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทพัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่าจากข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว พบว่าจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยมากที่สุด คือ ชาวญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วน 24% ขณะเดียวกันจากข้อมูลของปี 2555-2559 ยังพบว่าชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 16% ต่อปี 

ทั้งนี้ ทองหล่อ ถือเป็นทำเลสำคัญที่มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานและพักอาศัยเป็นจำนวนมาก จึงมั่นใจว่าการพัฒนาโรงแรมในทำเลทองหล่อจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่พักอาศัย โดยเฉพาะของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในย่านนี้ได้

สำหรับศรีราชา ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพ เพราะภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก พร้อมให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากชาวต่างชาติ เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น จึงมั่นใจที่จะพัฒนาโรงแรมในพื้นที่ศรีราชา 2 แห่ง จะตอบสนองความต้องการพักอาศัยด้านโรงแรมทั้งระยะสั้นและระยะยาว  โดยโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท มีบริการแพ็คเกจ 1 ปี ราคา 1.3 แสนบาทต่อเดือน 

ธุรกิจโรงแรม-ท่องเที่ยวไทยโต

นายคลาเรนท์ แทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี เครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) เปิดเผยว่า ไอเอชจี มีเครือข่ายโรงแรมอยู่กว่า 100 ประเทศทั่วโลก  จำนวน 5,300 แห่ง   ประมาณ 7.85 แสนห้องพัก  ปัจจุบันดำเนินการบริหารโรงแรมในไทย 22 แห่ง ภายใต้ 5 แบรนด์ ในช่วง 3-5 ปีนี้ มีโรงแรมรอเปิดให้บริการอีก 14 แห่ง  ซึ่งมีทั้งแบรนด์ อินเตอร์คอนติเนนตัล ,ฮอลิเดย์ อินน์ ,ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ,โฮเต็ล อินดิโก้ ,สเตย์บริดจ์ สวีท

“เป้าหมาย 3-5 ปีเปิดบริการ 14 แห่งในไทย นับเป็นการขยายตัวในอัตราเร่ง  เนื่องจากนักลงทุนเห็นโอกาสการเติบโตธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทำให้มีการลงทุนขยายโรงแรมต่อเนื่อง”

ด้านนายราจิต สุขุมารัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กล่าวว่าสเตย์บริดจ์ สวีท เป็นแบรนด์โรงแรม ที่เปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 250 แห่งทั่วโลก   ตกแต่งด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น สะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น อุปกรณ์ครัวครบชุด โซนทำงานส่วนตัว โซนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาพักระยะยาว เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่นั้นๆ (Expat) หรือนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (Business Traveller)  การเปิดตัว “สเตย์บริดจ์ สวีท” ในไทย ถือเป็นแบรนด์ที่ 6ของเครือไอเอชจี

“สเตย์บริดจ์ สวีท จะตอบความต้องการที่พักแบบระยะยาว ที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและศรีราชา จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มจำนวนสเตย์บริดจ์สวีทให้มากขึ้นในเอเชียแปซิฟิกในอนาคต" นายราจิต กล่าว