สั่งอายัดทรัพย์3คดี 'โอเอ-เอพีเอส-แก๊งคอล' รวม4,300ล้าน

สั่งอายัดทรัพย์3คดี 'โอเอ-เอพีเอส-แก๊งคอล' รวม4,300ล้าน

ปปง. ออกคสั่งยึดทรัพย์ 3 คดีฟอกเงินรายใหญ่กว่า 4,300 ล้าน "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" เลี่ยงภาษี โดนอายัดทรัพย์กว่า 4,246 ล้าน , บ.เอพีเอส คล็อคซิเต็ม ฉ้อโกงสถาบันการเงิน 62 ล้าน แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกตุ๋นเงินพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ยึดทรัพย์ 53 ล้าน

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) - 14 ธ.ค.60 พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 23/2560 วันที่ 14 ธ.ค.60 ว่า คณะกรรมการธุรกรรม ได้มีมติให้ยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดในคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยมีรายละเอียด รายคดีดังต่อไปนี้

1. คดีบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ สืบเนื่องจากสำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากกรมสรรพากร กรณีนายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทไทยเฮิร์บ จำกัด กับพวก กระทำความผิดตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร กล่าวคือ คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองความผิดทางภาษีอากรที่เข้าข่ายความผิดมูลฐานตามกฎหมาย ปปง. ได้ให้ความเห็นชอบแก่อธิบดีกรมสรรพากรในการส่งข้อมูลให้ ปปง. เพื่อดำเนินการกับนายธงชัย ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากร โดยหลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงตั้งแต่ 10 ล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป และได้กระทำในลักษณะที่เป็นกระบวนการหรือเป็นเครือข่าย โดยสร้างธุรกรรมอันเป็นเท็จหรือปกปิดเงินได้พึงประเมินหรือรายได้เพื่อหลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงภาษีอากร และมีพฤติกรรมปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อมิให้ติดตามทรัพย์สินนั้นได้ โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเท็จ ตั้งแต่ ปี 2554-2559 จนเป็นเหตุให้กรมสรรพากรได้รับความเสียหาย ประมาณ 7,788,362,147.89 บาท การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 37 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีมติให้อายัดทรัพย์สินของนายธงชัย กับพวก จำนวน 125 รายการ รวมจำนวน 4,246,569,770 บาท พร้อมดอกผล ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ

2. คดีฉ้อโกงสถาบันการเงินของบริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ สืบเนื่องจากสำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า บริษัทเอพีเอสฯ กับพวก ได้ยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศและขอให้โอนเงินสินเชื่อไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นการชำระค่าซื้อขายสินค้า ต่อมาธนาคารพบว่าบริษัทผู้ขายสินค้าและบริษัทผู้ชำระเงินค่าสินค้า มีกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนเดียวกัน ซึ่งไม่ได้เป็นคู่ค้าของบริษัท ตามที่ได้แจ้งไว้กับธนาคาร และจากการตรวจสอบพบว่ามีการยื่นเอกสารปลอมในการขอสินเชื่อ จนเป็นเหตุให้ธนาคารหลายธนาคารได้รับความเสียหาย โดยมีการหลอกลวงธนาคารให้ปล่อยสินเชื่อมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554-2556 รวมความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 3,400 ล้านบาท การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18) คณะกรรมการธุรกรรม ได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด กับพวก จำนวน 82 รายการ รวมจำนวน 62,183,563.07 บาท พร้อมดอกผล ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ

3. คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปปง. ได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่ามีกลุ่มบุคคลมีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนในพื้นที่ภาค 6 (ภาคเหนือตอนล่าง) จำนวน 13 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 19,800,000 บาท ซึ่งต่อมาพบว่าผู้กระทำความผิดมีการทำงานเป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติทั้งในประเทศไทย จีน และไต้หวัน จึงส่งเรื่องให้ ปปง. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายทวีศักดิ์ สุจริตวัฒนะนนท์กับพวก ซึ่งร่วมอยู่ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนกระทั่งคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 23/2560 ได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินประเภทเงินฝากในบัญชีธนาคารของนายทวีศักดิ์ สุจริตวัฒนะนนท์กับพวก รวม 120 บัญชี มูลค่าประมาณ 53 ล้านบาท