วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (14 ธ.ค.60)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังและปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อ เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- นอกจากนี้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยคาดการณ์ว่าในปี 2561 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 780,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 10.02 บาร์เรลต่อวัน
+ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบที่อาจตึงตัว หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ในอังกฤษ ซึ่งเป็นท่อขนาดใหญ่ที่มีกำลังการขนส่ง 450,000 บาร์เรลต่อวันยังคงหยุดทำการขนส่ง หลังพบรอยรั่วตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา
+ EIA รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ธ.ค. มาอยู่ที่ 443 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2558 โดยได้รับผลกระทบจากท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ที่รั่วไหลไปในช่วงก่อนหน้า
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำมันเบนซินที่ลดลงจากท่อส่งน้ำมัน Forties และเหตุโรงกลั่น IOC ไฟไหม้ช่วยสนับสนุนตลาด
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลจากทางฝั่งยุโรป และแอฟริกาเหนือ
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 55 - 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62 - 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับเหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยการปรับเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ซึ่งคาดการณ์ในเดือนธ.ค. 60 ปริมาณการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 6.174 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นราว 25,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- จับตาการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,0000 บาร์เรลต่อวัน ว่าจะกลับมาดำเนินการตามปกติเร็วๆ นี้หรือไม่ หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากตรวจพบการรั่วไหลของน้ำมันราว 5,000 บาร์เรล ในพื้นที่ South Dakota ซึ่งการเปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบจะส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐ จากแคนาดาปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอาจทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นได้
- ความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลากับจีนมีความตึงเครียดมากขึ้นและอาจส่งผลให้เวเนซุเอลาเผชิญกับภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจในปีหน้า หลังบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนมีการฟ้องร้องบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลาที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อตกลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจรจาต่ออายุเงินกู้ยืมและหนี้สินกับประเทศจีน
------------------------------------
ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
โทร.02-797-2999