‘ซีพีแรม’ชูเทคโนฯชีวภาพรุกอาหารสุขภาพ-เฉพาะกลุ่ม

นายวิเศษ วิศิษฏวิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน ภายใต้แบรนด์ เจด ดราก้อน, เลอแปง, เดลี่ไทย, เดลิกาเซีย และ ซีพีแรม แคทเทอริ่ง

เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานระยะ 5 ปี (2561-2565) ซึ่งเข้าสู่ยุคที่ 7 ของธุรกิจว่า จะมุ่งขยายการผลิตไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น โดยมีโรงงานใหม่เกิดขึ้นอีก 5 แห่ง 2 แห่งในที่ตั้งใหม่ คือ โรงงานลำพูน โรงงานสุราษฎร์ธานี และอีก 3 แห่งในที่ตั้งเดิม คือ โรงงานชลบุรี โรงงานขอนแก่น และโรงงานบ่อเงิน จ.ปทุมธานี ซึ่งจะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้น 50-70%  รองรับการขยายตัวของตลาดที่เติบโตปีละ 15%

พร้อมกันนี้ ซีพีแรมจะใช้เทคโนโลยีชีวภาพพัฒนาอาหารสุขภาพและอาหารสำหรับบุคคลเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้สูงวัย อาหารเด็ก และอาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวาน พร้อมนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบการผลิตอัตโนมัติมาร่วมทำงานในโรงงานในจุดที่ทำงานหนักและมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ บริษัทจัดสรรงบ 1% ของยอดขายหรือปีละ 150-200 ล้านบาท สำหรับการวิจัยและพัฒนาให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ สอดคล้องไปกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”  ทั้งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของภูมิภาคเอเชีย

“ซีพีแรมเดินทางผ่านมาแล้ว 6 ยุค แต่ละยุคใช้เวลา 5 ปี วันนี้ ซีพีแรมมีอายุ 30 ปี และในยุคที่ 7 หรือ 5 ปีจากนี้ มีความท้าทายอย่างมาก”

บริษัท ได้มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์องค์กรในระยะยาวทุก 5 ปี เช่นเดียวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทย ตัวอย่างเช่น ยุค 6 ที่ผ่านมา เป็นยุคนวัตกรรม บริษัทได้มุ่งส่งเสริมการสร้างนวัตกรและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่โดดเด่น พร้อมมุ่งสู่ความเป็นเลิศและเติบโตอย่างมั่นคง 

ด้านความเป็นเลิศในยุคที่ 6 ซีพีแรมได้รับรางวัล DEMING PRIZE 2015 และรางวัล KANO QUALITY AWARD 2016 ในระดับสูงสุด “DIAMOND AWARD” ด้านเติบโตอย่างมั่นคง ได้ขยายโรงงานอีก 4 แห่งในยุคนี้ด้วย สำหรับซีพีแรมยุคใหม่ หรือ ยุคที่ 7 เรียกว่า “ยุคศรีอัจฉริยะ" เน้นการมอบคุณค่าสู่สังคม มุ่งสู่องค์กรยั่งยืน 

“ศรีอัจฉริยะมาจากคำ 2 คำ ศรี คือ ความดีงาม และ อัจฉริยะ คือ ความเก่งเฉลียวฉลาด เมื่อนำ 2 คำมารวมกันเรียกว่า ศรีอัจฉริยะ จึงมีพร้อมด้วยความดีและความเก่ง ในยุคศรีอัจฉริยะนี้ซีพีแรมและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จะร่วมกันส่งมอบความดีคู่ความเก่งให้ผู้บริโภคและสังคม”

ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำจึงมีส่วนสำคัญในการตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคและสังคม ผ่านกลยุทธ์ 3S ได้แก่ FOOD SAFETY, FOOD SECURITY, FOOD SUSTAINABILITY พร้อมยกระดับขีดความสามารถทางแข่งขันสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วยห่วงโซ่อุปทานที่มีเทคโนโลยีมีการบริหารจัดการสู่ความเป็นเลิศ