หารือแนวทางป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์

หารือแนวทางป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตร.ทท.ประชุมร่วมตัวเเทนแบงค์ไทยพาณิชย์หารือ แนวทางป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ่อบูรณาการร่วมบ.โทรคมนาคม

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2560 ที่กก.1 บก.ทท.1 1 พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี รรท.ผบช.ทท. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รองผบช.ทท. พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง รรท.ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รองผบก.ทท.1 พ.ต.อ.นิธิกร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท.2 พ.ต.อ.ศราวุธ ตันกุล ผกก.2 บก.ทท.1 นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ประธานชมรมธุรกิจบริการเอทีเอ็ม สมาคมธนาคารไทย ผู้แทนสถาบันการเงิน และพนักงานสอบสวนตามคำสั่งตร.ที่ 725/2560 ได้หารือเพื่อหาข้อตกลงในมาตรการป้องกันและปราบปราม การฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (call center)

พล.ต.ท.สาคร กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมในการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (call center) ซึ่งมีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนทั่วไป และมีผู้หลงเชื่อจนเป็นเหตุทำให้ความสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนสอบสวน โดยมีพล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็นหัวหน้าชุดติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฏหมาย และขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการตลอดจนวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้าย เพื่อมาหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งผลการปฏิบัติสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับ และจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้มากกว่าร้อยราย รวมถึงสามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกว่า 120 ล้านบาท

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า วันนี้จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกันเพื่อขอความร่วมมืออย่างเร่งด่วนในการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ถือบัญชีธนาคารต่างๆ ทุกมิติเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนด้วยระบบโทรศัพท์ และการประสานข้อมูลในการสืบสวนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งเรื่องการติดตั้งกล้องวงจรปิด บริเวณตู้เอทีเอ็ม รวมถึงการอายัดบัญชีอย่างรวดเร็ว ในการพิทักษ์ทรัพย์ รักษาทรัพย์ และคืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมทั้งเยียวยาผู้เสียหายที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ได้อนุมัติให้จัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านเบอร์โทร 1155 เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน

ด้านนายพงษ์สิทธิ์ กล่าวว่า สถาบันทางการเงินรับทราบแล้วว่าจะมีการจัดตั้งศูนย์สืบสวนสอบสวนความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางดำเนินงานที่ถูกต้อง และเป็นการรวบรวมข้อมูลไว้ที่เดียว แต่สถาบันทางการเงินยังมีข้อขัดข้องในบางเรื่อง เช่น ทางสถาบันทางการเงินไม่สามารถอายัตบัญชีใดได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีการร้องขอตามขั้นตอน หรือถูกดำเนินคดี ในเบื้องต้นจะพยายามตรวจดูบัญชีที่รับโอน รวมถึงข้อมูล และภาพจากกล้องซีซีทีวี ซึ่งทราบว่ามีบางสถาบันดำเนินการล่าช้า หลังจากนี้จะมีการดำเนินการขอความร่วมมือกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลูกค้าไม่ควรหลงเชื่อ เพราะคนร้ายจะใช้ 2 ช่องทางในการดำเนินการกับผู้เสียหาย คือความกลัวและความโลภ เราพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อดูแลให้กับประชาชน และลูกค้าในแต่ละธนาคาร ซึ่งในอนาคตอาจจะต้องบูรณาการหน่วยงานอื่นเข้ามาให้ความร่วมมือด้วย เช่น บริษัทด้านโทรคมนาคม แต่ทั้งนี้ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในเสถียรภาพของธนาคาร

“การหลอกลวงทางอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่คงจะเกิดขึ้นทุกวัน เพราะอยู่ในโลกดิจิทัล แต่เราต้องเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าธนาคารมีช่องทางเฉพาะในการติดต่อลูกค้าอยู่แล้ว และมีระบบในการคัดกรอง หากพบว่ามีช่องทางที่ติดต่อเข้ามาไม่ปกติไม่ควรหลงเชื่อ เพราะแต่ละธนาคารมีข้อมูลลูกค้าอยู่แล้ว ถ้ามีการขอข้อมูลลูกค้าให้เชื่อได้เลยว่ามันผิดปกติ” นายพงษ์สิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับแผนประทุษกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น มีผู้สั่งการให้ทีมจัดการคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย โทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นคนไทย โดยจะมีทีมจัดหาบัญชีไปว่าจ้าง คนรับจ้างเปิดบัญชี เพื่อรับโอนเงิน เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปแล้ว ก็จะมีคนไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม และทำการโอนเงินต่อไปยังทีมบริหารเงิน ซึ่งอยู่ในกระบวนการฟอกเงิน ผ่านบริษัทสินทรัพย์ ก่อนจะโอนสินทรัพย์ทั้งหมดกลับไปหาผู้สั่งการอีกครั้งหนึ่ง