แถลงรวบ4ต่างชาติหัวใส เช่าโรงเเรมหรูก่อนงัดห้อง

แถลงรวบ4ต่างชาติหัวใส เช่าโรงเเรมหรูก่อนงัดห้อง

“ชาญเทพ” แถลงรวบ 4 ต่างชาติหัวใสเช่าโรงเเรมหรูก่อนงัดห้องข้างเคียง เจาะเซฟนำทรัพย์สินหลบหนีสอบ พบ 1 ในผู้ต้องหาเพิ่งพ้นโทษในคดีลักษณะเดียวกัน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รรท.รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ รรท.ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.สส.บก.น.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกก.สส.บก.น. 4 แถลงจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย คือ 1.น.ส.เกรเยีย ดิยอน แฟโบร (Miss Greggyia Dion Fabro) อายุ 32 ปี สัญชาติ ฟิลิปปินส์ 2.น.ส.แฮเรร่า โยอัน แก ดิยอน (Miss Herrera Joann Gae Dion) อายุ 31 ปี ฟิลิปปินส์ จับกุมได้ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพฯ 3.นายมอเซน ราจาอี ราซลิจิ (Mr.Mohsen Rajaei Razlighi) อายุ 40 ปี สัญชาติอิหร่าน จับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 75/4 ม.11 ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา 4.นายเดวิด ราซาซิ (MR.David Rasasi) หรือ นายโจมดอดิ บาลาเคซ (Mr.Jomedordi Bahlakeh) อายุ 49 ปี สัญชาติ อิหร่าน จับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมเลอเมอริเดียน ถนนสุรวงศ์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ

พร้อมของกลางกล้องถ่ายรูปยี่ห้อ Nikon สีดำ รุ่น D5200 เลนส์ยี่ห้อนิคอน (Nikon) Harddisk ยี่ห้อ HD สีฟ้า กระเป๋าสะพายหลัง สีน้ำเงิน เสื้อโปโลสีน้ำเงิน ยี่ห้อลัมโบกินี่ (Lamboghini) กางเกงขายาวสีน้ำตาล หมวกแก๊ปสีเทาอ่อน รองเท้าแตะสีน้ำเงิน คีมตัดลวดสีแดง-ดำ ยี่ห้อโซโล (SOLO) เหล็กงัดยางยี่ห้อวินนี่ (Windy) ไขควง ผ้าขนหนูสีน้ำตาล 1 ผืน หมวกแก๊ปลายหมากรุกสีดำ เทปพันสายไฟสีดำ ไม้แขวนเสื้อที่ดัดแปลงเป็นอุปกรณ์สำหรับงัดห้อง กระเป๋าเป้สีดำ 1 ใบ เอกสารโรงแรม De Arni Bangkok 1 ชุด เอกสารโรงแรม Le meridian 1 ชุด เอกสารเขียนภาษาเปอร์เซีย 1 แผ่นเงินสด 545 บาท กระเป๋าเงินสีดำ 1 ใบ ถุงสีขาวภายในบรรจุสิ่งของที่มีสารพันธุกรรม จำนวน 1 ชุด โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Huawei พร้อมซิมการ์ด รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก สีดำแดง หมายเลขทะเบียน สวค-315 กทม. 1 คัน

พ.ต.อ.มานพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ ก่อเหตุลักทรัพย์ในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง ได้ทรัพย์สินไปจำนวนหลายรายการ โดยพฤติการณ์ของคนร้ายจะให้หญิงสาวชาวต่างชาติเป็นผู้ใช้ชื่อเปิดเข้าพักโรงแรมเป้าหมาย ซึ่งจะเลือกโรงแรมที่ราคาห้องพักตั้งแต่ 3-4 พันบาท จากนั้นอาศัยจังหวะที่ห้องพักใกล้เคียงไม่มีผู้พักอาศัยอยู่ ใช้ชะแลงงัดเข้าไปในห้องแล้วยกตู้เซฟของโรงแรมกลับมายังห้องที่ตนเอง และได้ทำการเจาะงัดตู้เซฟเพื่อเอาทรัพย์สิน จากนั้นใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว น.ส.เกรเยีย ดิยอน แฟโบร และ น.ส.แฮเรร่า โยอัน แก ดิยอน สัญชาติฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้เปิดห้องพัก โดยจับกุมได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน โดยทั้งคู่รับสารภาพว่ารู้จักผู้ต้องหาชายทั้ง 2 ราย ที่ซอยนานา และได้รับการชักชวนให้มาร่วมก่อเหตุ โดยได้ค่าจ้างครั้งละ1,000 บาท

พ.ต.อ.มานพ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า ยังมีคนร้ายชายชาวต่างชาติอีก 2 คน ไม่มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่ง จะอาศัยนอนตามโรงแรมม่านรูด และจะเปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆทุกวัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น. 4 สามารถจับกุม นายมอเซน ราจาอี ราซลิจิ ได้จากสถานที่แห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยของกลางจำนวนหนึ่ง และจากการสืบสวนทราบว่าผู้ร่วมก่อเหตุอีกรายคือพี่ชายของนายมอเซน ซึ่งได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ย่านบางรัก จึงเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ โดยพบรถจักรยานยนต์มีลักษณะใกล้เคียงกับรถคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจอดอยู่บริเวณริมทางเท้า ระหว่างนั้นนายเดวิด ราสาสิ ได้เดินมาที่รถ จากการตรวจสอบพบว่ามีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับบุคคลตามหมายจับจากภาพจากกล้องวงจรปิด นำมาสู่การจับกุมตัว และตรวจยึดทรัพย์สินซึ่งเป็นของกลางมาได้อีกจำนวนหลายรายการ

จากการสอบสวนนายมอเซน รับสารภาพว่าลักลอบอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานโดยมีภรรยาเป็นคนไทยอาศัยอยู่ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ตามวันเวลาเกิดเหตุนั้นมีหน้าที่เป็นคนดูต้นทางเมื่อก่อเหตุก็จะนำทรัพย์สินมาแบ่งกัน แล้วเดินทางกลับไป อ.สีคิ้ว ทันที ส่วนนายเดวิด ราสาสิ รับสารภาพว่า เคยถูกจับกุมดำเนินคดี ในคดีลักษณะเดียวกัน เมื่อปี 2547 พื้นที่ สน.พญาไท และสน.ลุมพินี ถูกคุมขังอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเป็นเวลาประมาณ 7 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาก็ถูกผลักดันกลับประเทศ แต่ได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งเพื่อมาก่อเหตุ และในปี 2560 นี้ได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว จำนวน 5 ท้องที่ ได้แก่ พื้นที่ สน.ทองหล่อ , สน.หัวหมาก ,สภ.เมืองพัทยา, สภ.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี และสน.พญาไท

ด้าน พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ เมื่อถูกลักทรัพย์ก็จะไม่กล้าไปแจ้งความ จึงเป็นช่องโหว่ให้คนร้ายลงมือก่อเหตุ ฝากถึงโรงแรมว่าหากมีชาวต่างชาติเข้าไปพัก ให้หมั่นตรวจสอบว่าเข้าไปพักจริงหรือไม่ และหากมีผู้เสียหายท่านใด สงสัยว่าจะถูกกลุ่มคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ ให้มาดูของกลางได้ที่ สน.หัวหมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคล หรือทรัพย์สินหรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ ในเคหสถาน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก ดำเนินคดีต่อไป