คลังแจงมาตรการเว้นภาษีไอแบงก์เพื่อความเท่าเทียม
"กระทรวงการคลัง" แจงมาตรการเว้นภาษีธนาคารอิสลามเพื่อเพิ่มความเท่าเทียมกับธนาคารพาณิชย์
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวมาตรการสร้างความเป็นกลางทางภาษีกรณีผลตอบแทนจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลาม หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัตินั้น เนื่องจากหลักการของศาสนาอิสลาม (หลักชาริอะฮ์) มิให้มีการจ่ายหรือรับดอกเบี้ย ซึ่งตามหลักการของศาสนาอิสลามมีลักษณะทำนองเดียวกับเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำ ผลตอบแทนจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามจึงควรได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเช่นเดียวกับผลตอบแทนจากการฝากเงินกับสถาบันการเงินอื่น ดังนี้
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากการฝากเงินเป็นรายเดือนติดต่อกันไม่น้อยกว่า 24 เดือน โดยมียอดเงินฝากแต่ละคราวเท่ากัน แต่ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน และรวมแล้วไม่เกิน 600,000 บาท
2. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากการฝากเงินทำนองเดียวกับเงินฝากออมทรัพย์ เฉพาะกรณีได้รับผลตอบแทนรวมไม่เกิน 20,000 บาท
3. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากการฝากเงินทำนองเดียวกับเงินฝากประจำที่มีระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป แต่รวมแล้วไม่เกิน 30,000 บาทและได้รับผลตอบแทนเมื่ออายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะทำให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาระหว่างผลตอบแทนจากการฝากเงินทั่วไปกับการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามมีความเท่าเทียมกัน