วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ธ.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ธ.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับลด จากแรงเทขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากแรงเทขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ ในปี 2561 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 780,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 10.02 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก่อนหน้าว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 9.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่ออุปทานตึงตัว หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่ที่มีกำลังการขนส่ง 450,000 บาร์เรลต่อวันจากแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือ จำเป็นต้องหยุดการขนส่งกระทันหัน หลังพบรอยรั่ว

+/- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) รายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับตัวลดลง 7.4 ล้านบาร์เรล จากปริมาณการนำเข้าที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อจากอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพื่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงซื้อที่แข็งแกร่งในภูมิภาค โดยเฉพาะจากเวียดนาม

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 55 - 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62 - 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับเหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยการปรับเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ซึ่งคาดการณ์ในเดือนธ.ค. 60 ปริมาณการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 6.174 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นราว 25,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • จับตาการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,0000 บาร์เรลต่อวัน ว่าจะกลับมาดำเนินการตามปกติเร็วๆ นี้หรือไม่ หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากตรวจพบการรั่วไหลของน้ำมันราว 5,000 บาร์เรล ในพื้นที่ South Dakota ซึ่งการเปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบจะส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐ จากแคนาดาปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอาจทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นได้
  • ความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลากับจีนมีความตึงเครียดมากขึ้นและอาจส่งผลให้เวเนซุเอลาเผชิญกับภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจในปีหน้า หลังบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนมีการฟ้องร้องบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลาที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อตกลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจรจาต่ออายุเงินกู้ยืมและหนี้สินกับประเทศจีน

--------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999