“ทรัมป์”จ่อเลิกให้วีซ่าครอบครัว

“ทรัมป์”จ่อเลิกให้วีซ่าครอบครัว

หลังเกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถประจำทางในนครนิวยอร์กของสหรัฐ ด้วยฝีมือผู้อพยพบังกลาเทศ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะยกเลิกนโยบายการให้วีซ่าแก่ผู้อพยพที่เข้าประเทศด้วยวีซ่าครอบครัว

ประธานาธิบดีทรัมป์ ออกแถลงการณ์ไม่นาน หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในนิวยอร์กเมื่อเช้าวันจันทร์ โดยบอกว่า ผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุรุนแรงเข้าประเทศผ่านนโยบายอนุเคราะห์ที่เรียกว่า การอพยพตามเครือญาติ ดังนั้น สหรัฐจึงควรแก้ไขระบบตรวจคนเข้าเมืองที่หย่อนยาน ซึ่งทำให้คนอันตรายจำนวนมากเข้าประเทศได้โดยไม่มีการคัดกรองอย่างเพียงพอ พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสยุตินโยบายนี้

นายอะคาเอด อัลลาห์ วัย 27 ปี ที่ใช้ “ไปป์บอมบ์” โจมตีสถานีรถประจำทางพอร์ตออธอริตี้ ช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เดินทางจากเมืองจิตตะกองของบังกลาเทศไปสหรัฐ เพื่ออยู่กับครอบครัวเมื่อปี 2554 โดยเขาเข้าเมืองด้วยวีซ่าแบบ เอฟ-43 ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับลูกหรือพี่น้องของพลเมืองสหรัฐ ที่มีอายุอย่างน้อย 21 ปี ปัจจุบัน เขามีกรีนการ์ด จึงได้รับอนุญาตให้พักอาศัยหรือทำงานในสหรัฐ ได้โดยถูกกฎหมาย

นายอัลลาห์ ให้การต่อตำรวจนิวยอร์กว่า ลงมือก่อเหตุเพื่อแก้แค้นที่อิสราเอลทำกับปาเลสไตน์และได้แรงบันดาลใจจากโปสเตอร์ชวนเชื่อของกลุ่มไอเอสที่เรียกร้องให้ผู้ฝักใฝ่โจมตีช่วงคริสต์มาส และเรียนรู้การทำระเบิดจากอินเตอร์เน็ตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายเจฟฟ์ เซสชัน รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ กล่าวว่า เหตุการณ์ล่าสุดนี้ เป็นการก่อการร้ายในนครนิวยอร์กครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงสองเดือน โดยผู้ก่อเหตุที่เข้าสหรัฐด้วยช่องโหว่ของนโยบายตรวจคนเข้าเมือง อย่างเช่นคนร้ายชาวอุซเบกิสถานขับรถแวนพุ่งชนนคนในแมนฮัตตันทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คนเมื่อเดือน ต.ค. เข้าสหรัฐด้วยโครงการวีซ่าล็อตเตอรี