‘เซ็นทารา’ดันแผน 5 ปีโต‘เท่าตัว’

‘เซ็นทารา’ดันแผน 5 ปีโต‘เท่าตัว’

“ท่องเที่ยว”หนึ่งในอุตสหากรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเติบโต ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งตลาดไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงแรม ยังเห็นโอกาสการขยายธุรกิจต่อเนื่อง

ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่าบริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต 1 เท่าตัวในระยะ 5 ปีต่อไปนี้ เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่องถึง 67 โครงการ จากปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว 38 แห่ง และในจำนวนดังกล่าวเป็นโรงแรมที่เป็นเจ้าของเอง 16 แห่ง ซึ่งมีโครงการล่าสุดภายใต้แบรนด์ใหม่ ได้แก่ โคซี่ สมุย และเป็นการเปิดตัวแบรนด์นี้แห่งแรกเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี การขยายตัวของโคซี่ เพื่อจับตลาดระดับกลางลงไป จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ขับเคลื่อนรายได้ เนื่องจากมองจำนวนโรงแรมไว้ถึง 25 แห่ง

จากการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขาย “เวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ต” ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ของกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยวิสัยทัศน์แผนการเติบโต 5 ปีไว้ว่า วางกลยุทธ์ในการขับเคลื่อน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ กลยุทธ์แรก เน้นการขยายพอร์ตโรงแรมทั้งในรูปแบบการลงทุนเองและรับบริหาร จุดหมายหลักยังเน้นเสริมความแข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง พร้อมกับจะเริ่มมองหาทำเลใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้ เช่น เอเชียตะวันออก และแอฟริกา มากขึ้น นอกจากโคซี่ ที่ได้เปิดตัวไปแล้ว ยังมีโอกาสเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคตเพื่ออุดช่องว่างที่เหลือของโรงแรมในเครือที่มีอยู่แล้ว

กลยุทธ์ที่ 2 เริ่มมองหาโอกาสการลงทุนที่เป็นไปได้อื่นๆ นอกจากด้านโรงแรม เช่น การทำเรสซิเดนซ์ที่มีแบรนด์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและศักยภาพการแข่งขัน จับตลาดเซ็กเมนท์ใหม่ๆ ทั้งผ่านการพัฒนาแบรนด์เองหรือซื้อกิจการ

และกลยุทธ์ที่ 3 สร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างหลักและระบบปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการ, การใช้เทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปรับปรุงระบบต่างๆ ให้มีคุณภาพสูงสุดเพื่อตอบสนองธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การติดต่อและให้บริการลูกค้า ผ่านเว็บไซต์, แอพพลิเคชั่นทางมือถือ การสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านทั้งสื่อกระแสหลัก, นิวมีเดีย, อีเวนท์ เป็นต้น

จากการรายงานข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มเซ็นทารา ระบุว่า ภายในปี 2563 มีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 15 แห่งรวมกว่า 3,885 ห้อง ขณะที่ปี 2561 จะมีรายได้เติบโตจากการเปิดโรงแรมใหม่ เนื่องจากโคซี่ สมุย ขนาด 151 ห้องเปิดให้บริการเต็มปีเป็นปีแรก รวมทั้งได้สิทธิการบริหารโรงแรมใหม่ในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

ขณะที่โครงการซึ่งลงทุนเองในปีนี้มี 2 แห่งรวมกว่า 760 ล้านบาท แบ่งเป็นงบรีโนเวทโรงแรมเดิม 510 ล้านบาท, โรงแรมโคซี่ สมุย 220 ล้านบาท และโคซี่ พัทยา 30 ล้านบาทที่จัดสรรในงบปีนี้ จากทั้งโครงการมูลค่า 620 ล้านบาท

สำหรับแบรนด์โคซี่ วางตำแหน่งทางการตลาดไว้เป็น Comfortable Lifestyle Hotel โดยแห่งแรกที่สมุยจะเป็นต้นแบบในการเปิดโครงการอื่นๆ มีขนาดห้องพักตั้งแต่ 18-21 ตร.ม. วางราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000-1,500 บาท คาดว่าจะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีเป็นจุดเด่นมาใช้ เช่น สามารถเช็คอินได้ตัวเองผ่านมือถือ, เชื่อมต่อกับสมาร์ททีวีในห้องพักเพื่อดึงข้อมูลการเดินทางต่างๆ ออกมาใช้วางแผนท่องเที่ยวได้

รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแผนการขยายโคซี่ 25 แห่ง คาดว่าจะเป็นการลงทุนเองราว 5-6 แห่ง นอกจากพัทยาและสมุยแล้ว ยังมีโครงการที่เชียงใหม่ ภูเก็ต อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งแต่ละแห่งจะเน้นโลเกชั่นที่ดี เช่น สมุย ที่อยู่ใกล้กับเซ็นทรัล เฟสติวัล หรือในพัทยาที่อยู่ติดโรงแรมเซ็นทารา ที่มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นน่าจะเข้ามาเสริมกันได้อย่างดี โดยเฉพาะการใช้การแบ่งปันบริการรวมกัน (Share Service) ของโรงแรมในเครือที่มีอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ช่วยลดต้นทุนลงได้อีก

“เริ่มมองไปที่ตลาดกลางลงไป เตรียมศึกษาโอกาสขยายแบรนด์เพื่อจับตลาดราคาต่ำกว่าโคซี่ลงไปอีกในอนาคต เพราะมองว่าจะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี” 

กลุ่มโรงแรมระดับกลางมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 70-80% เสมอไม่ว่าจะอยู่ในภาวะใด เนื่องจากบริการที่เน้นแต่ห้องพัก ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างรายได้ให้สูงสุดของธุรกิจโรงแรม ขณะที่ปัจจุบัน โรงแรมในเครือเซ็นทาราที่มีอยู่นั้น ถือว่าครอบคลุมตั้งแต่ 3-5 ดาว และโรงแรมกลุ่มบูติค

นอกจากนั้นในการวางกลยุทธ์หาการลงทุนรูปแบบอื่นๆ มีความเป็นไปได้ที่จะจับธุรกิจด้านเวลเนสเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดที่มีศักยภาพสูง แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างศึกษาเพิ่มเติม

ขณะที่กลยุทธ์ด้านไอทีซึ่งเข้ามาช่วยปรับปรุงระบบบริหารจัดการ คือการนำ Property Management System และ Revenue Management System มาใช้ เพื่อตอบสนองกับพฤติกรรมการจองที่ใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น ขณะนี้สัดส่วนการจองห้องพักผ่านบริษัทนำเที่ยวอยู่ที่ 50% แต่ตลาดออนไลน์เริ่มตีตื้นขึ้นมาที่ 30% แล้ว และต่อไปวางกลยุทธ์กระตุ้นผ่านการขายตรงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของเซ็นทาราเอง (Direct Booking) มากขึ้น ตั้งเป้าให้เติบโตราว 15%

พร้อมกันนี้ ประสานความร่วมมือกับลอยัลตี้โปรแกรมของธุรกิจในเครือ ได้แก่ เซ็นทรัลการ์ด ที่มีฐานลูกค้ากว่า 4-5 ล้านคนให้ใช้บริการเพิ่มเติม โดยนำห้องพักเข้าร่วมการสะสมคะแนนหรือให้แลกคะแนนเพื่อเข้าพักได้ด้วย และให้ความสำคัญกับการสร้างบริการสัมพันธ์ลูกค้า ผ่านการเก็บข้อมูลการตอบรับความพึงพอใจทางสังคมออนไลน์ช่องทางต่างๆ อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มโรงแรมมีรายได้รวม 6,793 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 1,549 ล้านบาท เติบโตได้ราว 8.1%