อาร์เอสชู“อาร์สยาม”ลุยธุรกิจเพลงปี61

อาร์เอสชู“อาร์สยาม”ลุยธุรกิจเพลงปี61

“อาร์เอส” ยันไม่เลิกทำธุรกิจเพลง ประกาศธงรบปี 61 ชูแบรนด์เดียว “อาร์สยาม” คอนเซ็ปต์ “ดนตรีไร้ขอบ” งัดกลยุทธ์ Artist Centric ปั้มรายได้ทุกมิติ ตั้งเป้าคลอดซิงเกิ้ลกว่า 40 เพลงต่อปี พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ คาดปีหน้าทำเงิน 250 ล้านบาท

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการทำธุรกิจเพลงในปัจจุบันไม่ได้มีอะไรซ้ำซ้อน แต่ต้องมีแนวทางการทำงานชัดเจนจึงจะสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก คือ 1.มีความแม่นยำคัดสรรศิลปินที่มีศักยภาพมาทำงาน 2.สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ใช่มาวางกลยุทธ์ทำตลาด และ 3.สื่อสารผลงานเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายชัดเจนสอดรับกับไลฟ์สไตล์คนฟังเพลงในยุคนี้ 

ปัจจุบันคนนิยมฟังเพลงออนไลน์โดยเฉพาะฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่ง ซึ่งอาร์เอสเป็นบริษัทเพลงรายเดียวในเมืองไทยที่รุกปรับตัวก่อนใคร ทำให้เพลงยังเป็นธุรกิจที่มีรายได้สม่ำเสมอและทำกำไรแข็งแกร่งมาโดยตลอด สวนกระแสธุรกิจเพลงทั่วโลกที่ล้มหายตายจากไปแล้ว อีกทั้งเพลงยังเป็นธุรกิจต้นน้ำสำคัญที่บริษัทถนัดและทำได้ดี ตลอดจนช่วยส่งเสริมและต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่อยู่ในกระแสของโลก จึง “ไม่มีนโยบายจะยุติหรือยกเลิกทำธุรกิจเพลง”

ล่าสุดได้ปรับแนวทางทำธุรกิจเพลงปี 2561 ชู “อาร์สยาม” แบรนด์เดียวทำตลาด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดนตรีไร้ขอบ” พร้อมใช้กลยุทธ์ Artist Centric มองศิลปินเป็นคอนเทนท์ รุกเพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นรายได้งานโชว์ตัวตามคอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่างๆ รวมไปถึงพรีเซนเตอร์สินค้า การแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ เป็นต้น สตรีมมิ่งและดาวน์โหลดเพลง ตลอดจนจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลงด้วย

โดยเริ่มประเดิมบิซิเนสโมเดลใหม่กับศิลปิน แบ่งเป็น 3 ซุปตาร์ดัง ได้แก่ ใบเตย, จ๊ะ, กระแต ที่เตรียมออกซิงเกิ้ลทุกไตรมาส รวมไปถึงกลุ่มศิลปินดาวรุ่งอย่างธัญญ่า, ลาดา, ต้นข้าว, เพลง และบิว พงค์พิพัฒน์ และกลุ่มศิลปินที่จะมีผลงานต่อเนื่อง ได้แก่ แมน มณีวรรณ, ลาล่า-ลูลู่, บิว กัลยาณี, หญิง ธิติกานต์, นุ้ย สุวีณา, วงต๊กโต, เดือนเพ็ญ, วงเฟลม, กานดา, กล้วย, อ๊อฟ ดอกฟ้า, วิด ไฮเปอร์ และหลวงไก่ ทำให้คาดว่าในปี 2561 จะมีซิงเกิ้ลรวมกันไม่ต่ำกว่า 40 เพลง ขณะที่ศิลปินกลุ่มที่เหลือมีแผนจะคืนสัญญา พร้อมเตรียมเปิดตัวโลโก้ใหม่เจาะกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย

ทั้งนี้ จะทยอยเห็นผลงานภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ อาทิ ใบเตย ต่อด้วย กระแต และจ๊ะ ประมาณเดือนมกราคม 2561 ขณะที่มีแผนจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อรุกขยายช่องทางการรับฟังเพลงครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด จากปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์ครบถ้วน ทั้งในแง่โอเปอเรเตอร์มือถือ อาทิ ดีแทค เอไอเอส ทรู และในแง่แพลตฟอร์มอย่าง YouTube, LINE TV, JOOX, Spotify โดยคาดว่าหลังปรับโมเดลปีหน้าจะมีรายได้ 250 ล้านบาท

“การปรับโครงสร้างธุรกิจเพลงครั้งนี้เป็นรูปแบบใหม่ จึงอาจจะมีทั้งคนเข้าใจและไม่เข้าใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่ศิลปินส่วนใหญ่ที่อยู่กับเรา พอได้รับฟังนโยบายมีความเข้าใจและพร้อมที่จะเดินไปกับบริษัท เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพขององค์กรและทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ จึงมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จตามที่วางไว้แน่นอน" นายสุรชัย กล่าว