โฮมชอปปิงชู‘โอทูโอ’รับตลาดอีคอมเมิร์ซโต

โฮมชอปปิงชู‘โอทูโอ’รับตลาดอีคอมเมิร์ซโต

กำลังซื้อผู้บริโภคช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากมีปัจจัยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อีกทั้งตัวเลขหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีมีทิศทางปรับลดลง  ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น

องอาจ ประภากมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู จีเอส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมชอปปิง ช่องทรูช้อปปิ้ง กล่าวว่าปีนี้ธุรกิจค้าปลีกยังมีแนวโน้มเติบโต  จากเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง  ส่งผลต่อตลาดโฮมชอปปิง ยังมีโอกาสขยายตัวในปีนี้  โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจค้าปลีกสู่ช่องทางอีคอมเมิร์ซ ตามพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ และสร้างโอกาสการเติบโตในกลุ่มค้าปลีก

ที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทั้งเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น รวมทั้งเว็บไซต์ มาร์เก็ตเพลส ต่างๆ เช่น ลาซาด้า, ช้อปปี้, อีเลฟเว่นสตรีท, วี-มอลล์ ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจปลีกในยุคนี้  วางเป้าหมายปี 2561 ยอดขายจากช่องทางอีคอมเมิร์ซ มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของรายได้รวม

พบว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์จะมียอดใช้จ่ายต่อครั้งต่ำกว่าทีวี เนื่องจากสินค้ามีความหลากหลายการใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 100-1,000 บาท  ขณะที่ช่องทางโฮมชอปปิงผ่านทีวี มียอดใช้จ่ายต่อครั้งสูงกว่าเป็น“เท่าตัว” เป็นช่องทางที่เรียกว่า “แวลู ฟอร์ มันนี่”  

ปีนี้คาดว่าธุรกิจยังขยายตัวได้ 10%  ปีหน้าเติบโตราว 20%  จากการรุกช่องทางอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มสินค้าของซัพพลายเออร์และนำเข้า จากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่ จีน  เน้นสินค้าที่มีจำหน่ายเฉพาะทรูช้อปปิ้ง

ทีวีไดเร็คชู“โอทูโอ”ดันตลาด

ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทาง (มัลติ-สกรีน) เปิดเผยว่าประเมินผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากปรับกลยุทธ์ใช้สื่อโฆษณามาตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยรุกสื่อโฆษณาผ่านช่องทีวีดิจิทัลต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ด้าน Brand Awareness และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านช่องทางการขายทุกช่องทาง 

นอกจากนี้ยังได้คัดเลือกสินค้าที่จะโฆษณาและการจัดแพ็คเกจสินค้าที่เหมาะกับแต่ละช่วงเวลาเพื่อกระตุ้นการขายในช่วงปลายปี ตลอดจนการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อยอดขายในช่วงเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เชื่อว่าสร้างยอดและกำไรได้ตามแผนในไตรมาส 4 

ปัจจุบันพบว่าพฤติกรรมการรับชมสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มกลับมาใช้เวลารับชมโทรทัศน์เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะไม่เหมือนเดิม แต่ก็มีปริมาณมากเพียงพอต่อการสร้างการเข้าถึงตลาดแมสของทีวี ชอปปิงได้ในวงกว้าง ที่สำคัญมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น เพราะการปรับตัวของทีวีดิจิทัลเองด้วย ทำให้บริษัทสามารถวางกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณาผ่านสื่อทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ หรือ โอทูโอ (O2O) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมซึ่งกันและกัน จะส่งผลดีต่อการใช้สื่อโฆษณาทางทีวีดิจิทัลเพื่อกระตุ้นการขายสินค้าของทีวี ไดเร็คได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ทีวีดีโมโม่ลุยอีคอมเมิร์ซโต200%

ธนะบุล มัทธุรนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมชอปปิงช่องทีวีดีโมโม่ (TVDmomo) ในเครือทีวีไดเร็ค กล่าวว่าปีหน้าวางเป้าหมายเพิ่มรายได้การขายสินค้าผ่านช่องทาง“อีคอมเมิร์ซ” เติบโต 200% หลังจากผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รับข้อมูลทางทีวี แต่จะตัดสินใจซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการผลักดันภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท

เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวเว็บไซต์ www.tvdmomo.com โฉมใหม่ ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานให้ง่ายขึ้นและจัดหมวดหมู่สินค้าให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่นการใช้งานของโซเชียลมีเดีย อาทิ เฟซบุ๊คไลฟ์, ไลน์  ในการเพิ่มยอดขาย

ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จาก 3 ช่องทางหลักคือ การขายสินค้าผ่านช่องทีวีดีโมโม่ที่ออกอากาศ 24 ชั่วโมง, อีคอมเมิร์ซ และช่องทางการขายสินค้าผ่านตู้บุญเติม (ตู้เติมเงินออนไลน์) ทั่วประเทศ ซึ่งการขายสินค้าผ่านช่องทีวีดีโมโม่ยังคงเป็นฐานรายได้หลัก แต่ในอนาคตการขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซจะเติบโตเร็วขึ้น ตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค

แนวโน้มธุรกิจโฮมชอปปิงช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ ประเมินกำลังซื้อฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่จะมีการจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อของขวัญให้แก่กัน จึงจะเร่งกระตุ้นยอดขายนำสินค้าที่น่าสนใจ มาจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่เน้นความคุ้มค่า ขณะเดียวกันนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทางการขายและพัฒนาการให้บริการรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่คอลล์ เซ็นเตอร์ โ

นอกจากนี้จะเพิ่มความหลากหลายของสินค้ามากขึ้น จากปัจจุบันมีสินค้าเสนอขายกว่า 2,000 รายการ พร้อมเปิดรับซัพพลายเออร์รายใหม่ ที่ต้องการให้บริษัทเป็นช่องทางการขายสินค้า พร้อมเน้นเพิ่มสัดส่วนการขายกลุ่มแฟชั่น ซึ่งมีความถี่ในการซื้อสูงให้มากขึ้น