บิ๊กไบค์ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากหลายสาเหตุ ทั้งไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป บางคนเบื่อการใช้รถยนต์และหันมาเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานยนต์ทั้งใoและต่างประเทศ และยังเป็นผลมาจากบรรดาผู้ประกอบการหันมาสนใจทำตลาดมากขึ้นทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลาย
ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน รถบิ๊กไบค์หรูจากสหรัฐ ที่ผู้บริโภครู้จักดี และเป็นรถในฝันของหลายคน เข้ามาทำตลาดในไทยยาวนาน กำลังจะถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ นั่นคือการตัดสินใจใช้ไทยเป็นฐานการผลิตแห่งที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะรถชื่อดังยี่ห้อนี้ปัจจุบันมีโรงงานผลิตแค่ 4 แห่ง เท่านั้น อยู่ในสหรัฐ 2 แห่ง ที่เหลืออยู่ในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่รถจักรยานยนต์แห่งหนึ่งของโลก และอีก 1 โรงงาน ตั้งอยู่ใน บราซิล
โยฮัน ไคลน์ชตอยเบอร์ กรรมการผู้จัดการตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เดินทางมาเยือนไทย พร้อมร่วมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ให้ความสำคัญกับตลาดในเอเชีย แปซิฟิกมาก เนื่องจากมีอัตรการการเติบโตสูง ขณะที่ตลาดในสหรัฐเองค่อนข้างอิ่มตัวในช่วงเวลานี้ และมองว่าเอเชีย แปซิฟิก จะเป็นกลไกสำคัญที่จะนำพาเป้าหมายการเติบโตของตลาดนอกสหรัฐ 50% ภายในปี 2570
และเมื่อมองมาในเอเชีย แปซิฟิก ก็พบว่ากลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน มีศักยภาพการเติบโตสูง ดังนั้นจากนี้ไปจะเห็นการลงทุนของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในภูมิภาคนี้มากขึ้น เช่น การขยายเครือข่ายการจำหน่ายและบริการ และที่พิเศษสำหรับในไทยก็คือ การลงทุนสร้างโรงงานผลิต ที่จังหวัดระยองซึ่จะเริ่มเปิดสายการผลิตในปี 2561 ที่จะถึงนี้
“โรงงานผลิตในไทย นอกจากจะรองรับตลาดในประเทศที่ขยายตัวแล้ว ยังจะใช้เป็นฐานการส่งออกไปยังตลาดอาเซียน และจีน อีกด้วย โดยจำนวนการผลิต รุ่นที่จะผลิต รวมถึงจำนวนส่งออกอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดอีกขั้น"
ทั้งนี้ไม่เพียงแค่การลงทุนสร้างโรงงานผลิตเท่านั้น แต่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เดินหน้ากลยุทธ์ปูทางให้ไทยเป็ํนศูนย์กลางธุรกิจก่อนหน้านี้ ด้วยการเข้ามาตั้งมหาวิทยาลัย ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคลากรของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ในทุกๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นงานบริหาร งานขายหรืองานบริการก็ตาม
10 ปี 100 รุ่นเพิ่มสินค้าขยายฐานนักขี่
สำหรับด้านการตลาดในไทย ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน วางแผนขยายธุรกิจไว้คือ ภายใน 10 ปี หรือภายในปี 2570 จะต้องเปิดตัวรถรวม 100 รุ่น ซึ่งการมีสินค้าจำนวนมาก จะทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย และจะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นในแผนการขยายฐานนักขี่รุ่นใหม่
“วันนี้เราก็เริ่มต้นแผนธุรกิจดังกล่าว โดยเปิดตัวรถใหม่ 2 รุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ และยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมแสดงในงานนี้ เหตุผลก็คือ ต้องการใช้เป็นเวทีสร้างฐานลูกค้าใหม่ รองรับอนาคต”
ปัจจุบัน ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีรถทำตลาดในไทย 5 ตระกูล รวม 35 รุ่นย่อย มีราคาจำหน่าย 469,000-2,886.000 บาท
ท่องเที่ยวข้ามประเทศดันตลาดโต
นอกจากด้านสินค้า ยังมีแผนเพิ่มเครือข่ายการจำหน่ายและบริการ รองรับการเติบโตในอนาคต จากช่วงเริ่่มต้นธุรกิจในไทยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มี 2 แห่ง เพิ่มเป็น 7 แห่ง และจะขยายเพิ่มต่อเนื่องต่อไป โดยในระยะใกล้นี้ จะเพิ่มอีก 2 แห่งในต่างจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“ตลาดรถบิ๊กไบค์ในไทยเติบโตต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักขี่มากขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตและผู้จำหน่า่ยก็มากขึ้นเช่นกัน ทำให้ส่งเสริมให้บรรยากาศมีความคึกคักมากขึ้น และเชื่อว่าจะยังคงเติบโตต่อไป”
การที่มองว่าตลาดจะขยายตัวต่อไป เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปชอบท่องเที่ยว เพราะไทยมีสถานที่สวยงามจำนวนมาก และเส้นทางเหมาะกับรถกลุุ่มนี้ นอกจากนี้ยังพบว่าความนิยมเดินทางท่องเที่ยวข้ามประเทศไปยังเพื่อนบ้านมีมากขึ้น ทำให้ต้องการใช้รถบิ๊กไบค์สูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจของไทยก็ดีขึ้น จีดีพีขยายตัว ช่วยผลักดันให้กำลังซื้อขยายตัวตาม และยังมีผลทำให้ลูกค้าที่เคยใช้รถขนาดเล็ก หันมาใช้รถใหญ่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับฐานลูกค้า ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในไทยทั้งหมด ซึ่งรวมถึงผู้ที่ซื้อจากผู้นำเข้าอิสระ ประเมินว่าจะมีประมาณ 20,000 ราย
อัดแคมเปญกระตุ้นยอดงานมหกรรมยานยนต์
ด้านธนบดี กุลทล ผู้จัดการประจำประเทศ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทแม่เข้าใจและสนใจตลาดเมืองไทยอย่างมาก หลังจากบริษัทสามารถขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี
และสำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ นอกจากจะมีรถใหม่เผยโฉมแล้ว ยังจัดกิจกรรมอื่นๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น การำหน่ายเเสื้อยืดแนวคัสตอม จากผู้จำหน่ายทั่วประเทศ นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันทุกคันภายในงานจะได้รับประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี ประกันจากโรงงาน 2 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง และสิทธิการเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ขับขี่ฮาร์ลีย์ (HOG) 1 ปี พร้อมการช่วยเหลือฉุกเฉินและชุด แคร์ คิท มูลค่า 7,500 บาท ซึ่งประกอบด้วยกระเป๋าเป้สะพายหลัง ตัวล็อกหมวกกันน็อก ที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบกันน้ำได้ ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสีรถขนาดพกพา รวมถึงข้อเสนอในเงื่อนไขทางการเงิน ด้วย อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 2.79%