ตอกเสาเข็มก่อสร้างเขื่อนลาดพร้าวแล้ว 15,939 ต้น

ตอกเสาเข็มก่อสร้างเขื่อนลาดพร้าวแล้ว 15,939 ต้น

กทม.เดินทางโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว เผยตอกเสาเข็มแล้วกว่า 15,939 ต้น กำชับผู้รับเหมาเร่งเดินหน้า หลังยังล่าช้ากว่าแผน

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว ว่า ขณะนี้ กทม.สามารถดำเนินการตอกเสาเข็มได้แล้ว ความยาวรวม 12,240 เมตร จำนวนเสาเข็ม 15,939 ต้น จากจำนวนเสาเข็มที่ต้องดำเนินการทั้งหมด 22,017 ต้น คิดเป็น 74.4 เปอร์เซนต์ ของพื้นที่ก่อสร้างที่ส่งมอบพื้นที่แล้ว สำหรับผลงานเฉพาะเสาเข็มที่ตอกได้ทั้งหมดคิดเป็น 26.57เปอร์เซนต์ ส่วนพื้นที่ก่อสร้างที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ความยาว 28,783 ม. จำนวนเสาเข็มที่ยังไม่ได้ตอก 38,385 ต้น

สำหรับผลงานทั้งโครงการทำได้ 20.37 เปอร์เซนต์ ส่วนแผนงานโดยรวมทั้งโครงการ 48.50เปอร์เซนต์ ทั้งนี้โครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว มีความยาวทั้งหมดประมาณ 45.3 กม. เป็นพื้นที่ก่อสร้างที่ส่งมอบพื้นที่แล้ว ความยาว 16,517 ม. หรือ 16 กม. อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อโครงการ พร้อมทั้งกำชับบริษัทผู้รับจ้างให้เร่งดำเนินการตอกเสาเข็มและทำทางเดินเท้าในพื้นที่ก่อสร้างที่ส่งมอบพื้นที่แล้ว และในบริเวณที่รื้อย้ายบ้านที่รุกล้ำพื้นที่ออกไป

นอกจากนี้ได้ให้บริษัทผู้รับจ้างปรับแผนการทำงานใหม่เพื่อให้โครงการก่อสร้างเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ปริมาณเนื้องานที่ควรจะได้ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะเดียวกันพื้นที่ก่อสร้างที่ส่งมอบก็ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรค แต่เหตุใดจึงไม่สามารถที่จะทำการตอกเสาเข็มก่อสร้างเขื่อนได้ โดยสำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขตทั้ง 8 เขต และบริษัทผู้รับจ้าง จะพูดคุยหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆเพื่อให้โครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าวแล้วเสร็จตามแผนต่อไป

สำหรับโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าวมีบ้านเรือนที่อยู่ในแนวก่อสร้างเขื่อนทั้งหมด 3,653 หลัง ที่ผ่านมาสำนักงานเขตที่อยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าวทั้ง 8 เขต ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนเพื่อสร้างความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของโครงการดังกล่าว ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้ หาก กทม.จะเข้าดำเนินการตอกเสาเข็มได้ ก็ต้องเข้าทำการรื้อถอนบ้านที่ยินยอมออกไปให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งขณะนี้สามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านออกไปได้แล้ว 920 หลัง ส่วนที่ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 2,062 หลัง อยู่ในกระบวนการร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และกระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่จะดำเนินการสร้างบ้านมั่นคงต่อไป