รมว.แรงงานลงพื้นที่วันแรก เยี่ยมศูนย์พิสูจน์สัญชาติเมียนมา

รมว.แรงงานลงพื้นที่วันแรก เยี่ยมศูนย์พิสูจน์สัญชาติเมียนมา

"อดุลย์" ลุยตรวจงานภาคสนามวันแรก เยี่ยมศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคลแรงงานเมียนมา ที่สมุทรปราการ


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2560 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน ลงตรวจเยี่ยมศูนย์พิสูจน์สัญชาติเมียนมา (CI) ถนนเทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อตรวจดูการทำงานตามขั้นตอนต่างๆ รวมถึงรับทราบถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อมูลของสำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 พบว่า ผลการดำเนินงานของศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคลสัญชาติเมียนมาจังหวัดสมุทรปราการ สามารถออกหนังสือรับรองบุคคล หรือ CI ให้แก่แรงงานเมียนมา จำนวน 123,000 คน และผลการรับคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว ศูนย์บริการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจังหวัดสมุทรปราการ สามารถออกหนังสือรับรองที่ใช้แทนใบอนุญาตทำงาน ได้เพียง 36,912 คน พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หวังลดขั้นตอน เกิดความคล่องตัวแก่ผู้มาใช้บริการ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้ พบว่าขั้นตอนการให้บริการอาจจะใช้เวลามาก ซึ่งเราดูตัวเลขที่มีแรงงานอยู่ทั้งหมดกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในวันนี้ได้สู่ขบวนการพิสูจน์แล้วประมาณ 8 แสน เหลืออีกประมาณ 1 ล้าน 2 แสนคน ศูนย์พิสูจน์สัญชาติพม่ามีอยู่ทั้งหมด 9 ศูนย์ด้วยกัน อีก 2 โมบาย จากการตรวจดูแล้วขั้นตอนแต่ละขั้นตอนมันใช้เวลามากเป็นวัน ก็เลยมาดูว่าเราจะเพิ่มยังไงให้มีการบริหารจัดการที่ดี และระบบขั้นตอนต่าง ๆ ให้มันเร็วได้ และลดเวลาลงไป เพื่อให้สามารถทำงานได้มากขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกของแรงงานทั้งหมดที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ

วันนี้ก็เลยมาดูคงต้องมาหารือกับทางการพม่าซึ่งส่งเจ้าหน้าที่มาอยู่ด้วย แล้วก็ทางกรมจัดหางาน ซึ่งศูนย์ก็ต้องบริการหลายส่วนคือ ตั้งแต่ทางการพม่าจัดส่งเจ้าหน้าที่มาทำการเก็บหลักฐาน อันที่สองเป็นด้านของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และก็มีเรื่องสาธารณสุขมาตรวจเรื่องสุขภาพ อันนี้ตนก็จะกลับไปหารือว่าศูนย์ทั้งหมดจะต้องเป็นระบบที่มีเอกภาพเรื่องบูรณาการให้แน่นแฟ้น และก็ให้บริการได้เร็วขึ้น แรงงานจะได้รับความสะดวกขึ้น

"ในส่วนอีก 1 ล้าน 2 แสนคนที่ยังรอการพิสูจน์สัญชาติ โดยกฎหมายแล้วได้กำหนดให้อยู่ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 ยังมีเวลาอีกมากคาดว่าน่าจะดำเนินการได้ทันทั้งหมด แต่ก็ต้องกลับไปคุยกันก่อนว่าจะทำอย่างไรที่จะปรับได้เร็วขึ้นและให้เสร็จทันตามแผนได้ แต่ก็คงต้องปรับระบบให้เร็วขึ้นกว่านี้ ถ้าการให้บริการยังช้าอยู่แบบนี้ ผมว่ามีปัญหาแน่นอนเพราะแรงงานมาก็ใช้เวลามาก เท่าที่ตรวจในวันนี้ ผมว่าอันแรกที่จะต้องมี CO หรือคนที่เป็นหัวให้เพราะว่ามันหลายหน่วยมาก เพื่อจัดระบบให้ก่อนเพราะว่าสถานที่ มีทั้งเจ้าหน้าที่ของทางการพม่า การออกบัตรคิว และเข้าสู่ขบวนการของทางพม่า ก่อนไปเรื่องสุขภาพทางสาธารณสุขก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน และในเรื่องของตำรวจเรื่องการออกบัตรแรงงาน ต้องจัดระบบให้เป็นเอกภาพ เป็นขั้นเป็นตอนและลดเวลา อำนวยความสะดวก บริการประชาชนให้ดี อันนี้ก็คือสิ่งที่จะไปพูดคุยกันในวันนี้ คือการมีหัวให้ สองระบบให้มันเร็วขึ้น สามสถานที่ต้องดูดีกว่านิดนึง ห้องน้ำต้องสะอาดถูกสุขลักษณะ และห้องอาหารหรืออะไรต่าง ๆ อันนี้ต้องขอเวลาในการปรับระบบงานสักระยะหนึ่ง เชื่อว่าทั้งหมดจะดีขึ้นแน่นอน"