ศาลนัดสอบคำให้การ 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' ม.ค.ปีหน้า

ศาลนัดสอบคำให้การ 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' ม.ค.ปีหน้า

ศาลฎีกานักการเมือง นัดสอบคำให้การ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" 19 ม.ค.61 ชี้ต้องรอ "ป.ป.ช." แก้ฟ้องให้ครบถ้วน ส่วนคดีริบทรัพย์ 90 ล้านรอศาลแพ่งไต่สวนพยานธาริต

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน คดีหมายเลขดำ อม.177/2560 นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกล่าวหา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่พ้นจากราชการ ฐานจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริตฯ มาตรา 119 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการยื่นคำร้องดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลัง ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดนายธาริต ร่ำรวยผิดปกติ

โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายธาริต รับฟังแล้ว นายธาริต ได้ยื่นคำรับสารภาพเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา นายธาริต ได้ยื่นคำแถลงประกอบคำรับสารภาพไปแล้ว ขณะที่องค์คณะฯ พิจารณาเห็นว่า ป.ป.ช. ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.60 หลังรัฐธรรมนูญฯ ใหม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งมาตรา 235 วรรคท้าย กำหนดว่าความผิดเกี่ยวกับการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ จะต้องมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ามีเจตนากระทำผิด

โดยศาลได้ตรวจคำร้องของ ป.ป.ช.ผู้ร้องแล้ว เห็นว่าไม่ได้บรรยายพฤติการณ์ดังกล่าวมาในคำร้อง ศาลจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 26 วรรคสาม ที่ให้อำนาจศาลสั่งแก้ฟ้องให้ถูกต้องได้ ดังนั้นจึงสั่งให้ ป.ป.ช.แก้คำฟ้องโดยบรรยายถึงพฤติการณ์ให้ครบถ้วนภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันนี้

ทั้งนี้ องค์คณะพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้โอกาสนายธาริต ผู้คัดค้านต่อสู้คดีได้เต็มที่ จึงเห็นควรให้เลื่อนนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย ไปเป็นวันที่ 19 ม.ค.61 เวลา 09.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนายธาริต ได้ยื่นหบักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวไประหว่างการพิจารณาคดีซึ่งศาลตีราคาประกัน 500,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ขณะที่วันนี้ นายธาริต พยายามหลบผู้สื่อข่าว ไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด โดยทีมที่ปรึกษากฎหมายนายธาริต ระบุเพียงว่า ทราบว่า บัญชีทรัพย์สินที่ไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช. ก็ไม่ได้มีเจตนายื่นเท็จ เนื่องจากมีสมุดบัญชีบางเล่มตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งอัยการ ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวและมียอดในบัญชีหลักไม่เกินหมื่นบาท ทำให้ไม่ได้สนใจ และลืมยื่นแสดงบัญชีต่อ ป.ป.ช. ขณะที่นายธาริต ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับหน่วยงานทั่วไป แต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นหน่วยงานใด ส่วนคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้กว่า 90 ล้านอยู่ระหว่างรอศาลแพ่ง ไต่สวนพยานฝ่ายนายธาริต ผู้คัดค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กรณีของนายธาริตนี้ หลังพ้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง อธ.ดีเอสไอ ตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 8/2557 เมื่อวันที่ 24 พ.ค.57 ก็ถูกสั่งให้ปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปก่อน หลังจากนั้น ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายธาริต กระทั่งชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค.59 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติขณะดำรงตำแหน่ง "อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ" รวมมูลค่ากว่า 346 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์ที่มีชื่อของนายธาริต , นางวรรษมล คู่สมรส และบุคคลที่เกี่ยวข้องถือครองแทนไว้ชั่วคราวก่อนหน้านี้กว่า 90 ล้านบาท แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบางส่วนมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินอีก 256,391,901 บาท ที่ให้บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของนายธาริต และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส ซึ่งได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ริบทรัพย์สินนั้นให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง ซึ่งรอไต่สวนพยานฝ่ายนายธาริต