พาณิชย์เล็งจับมือกทม.สร้างอาชีพผู้มีรายได้น้อย

พาณิชย์เล็งจับมือกทม.สร้างอาชีพผู้มีรายได้น้อย

"กรมพัฒนาธุรกิจการค้า" เตรียมจับมือ "กทม. - พัฒนาฝีมือแรงงาน" สร้างอาชีพผู้มีรายได้น้อย กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในเมือง

นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมจับมือกรุงเทพมหานครและกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ต่อยอดโครงการสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงด้านการดำรงชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในเมือง เบื้องต้นเตรียมหารือบูรณาการหลักสูตรการฝึกอาชีพด้านต่าง ๆ ที่ทั้ง 2 หน่วยงานดำเนินการ ซึ่งมีทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการที่สามารถประกอบเป็นอาชีพได้ทันที ทั้งเป็นเจ้าของกิจการและลูกจ้างในสถานประกอบการ เช่น การประกอบอาหาร เสริมสวย ศิลปประดิษฐ์ นวดแผนโบราณ ตัดเสื้อ แปรรูปอาหารและสมุนไพร หัวหน้าแม่บ้าน ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า-ประปา-อิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่าง ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ กรมฯ จะจัดผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการธุรกิจอบรมเทคนิคเฉพาะให้ผู้ฝึกอาชีพสามารถประกอบธุรกิจได้ในระยะเวลาสั้น เช่น การวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งของธุรกิจ การคำนวณต้นทุน การตลาด การจัดทำบัญชีธุรกิจแบบง่าย ๆ การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อการผลิตสินค้าให้ตรงใจ เป็นต้น ซึ่งแต่ละอาชีพจะมีเทคนิคการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญที่กรมฯ จะอบรมให้สามารถให้คำปรึกษาเชิงลึกได้ทุกอาชีพ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอาชีพมีความเชื่อมั่นในตนเองก่อนลงสนามธุรกิจจริง นอกจากนี้ เตรียมประสานธนาคารรัฐในการให้สินเชื่อพิเศษเพื่อเป็นทุนสำหรับการประกอบอาชีพ คาดว่าธนาคารจะสามารถให้สินเชื่อส่วนบุคคลรายย่อยแก่ผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมการฝึกอาชีพฯ ซึ่งขณะนี้เตรียมหารือธนาคารรัฐเพื่อกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดในการให้สินเชื่อ

"เปรียบเสมือนการติดอาวุธให้ผู้ฝึกอาชีพทุกคนมีความรู้ครบถ้วนและหลากหลาย สามารถนำความรู้ที่ได้รับทั้งการฝึกอาชีพและการบริหารจัดการไปดำเนินธุรกิจได้ และพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นนักธุรกิจที่ดี หวังว่าการต่อยอดโครงการสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยจะเป็นส่วนผลักดันให้กรุงเทพมหานครมีนักธุรกิจขนาดเล็กมากขึ้นและเป็นเมืองแห่งนักธุรกิจรายย่อยในอนาคต การต่อยอดสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยในเขตกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม 2561 และมีผู้สนใจเข้ารับการอบรมฯ จำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 คน" นางกุลณี กล่าว