'ออมสิน'ใจดีปล่อยกู้2.5หมื่นล.ช่วยผู้ประกอบการใต้

'ออมสิน'ใจดีปล่อยกู้2.5หมื่นล.ช่วยผู้ประกอบการใต้

"ธนาคารออมสิน" ใจดี!! ขยายเวลาโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 25,000 ล้านบาทออกไปอีก 5 ปี หวังช่วยเหลือผู้ประกอบการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายพิเชฐ ธรรมวิภาค รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ให้ได้รับการบรรเทาภาระดอกเบี้ยที่กู้ยืมเงินมา เพื่อดำเนินธุรกิจและช่วยสร้างขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้โครงการมีความต่อเนื่องและผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินการต่อไปได้ ตลอดจนเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการและยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในพื้นที่เพิ่มขึ้น ธนาคารออมสินจึงให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องด้วยการให้กู้ยืมเงินผ่านสถาบันการเงินธนาคารเฉพาะกิจและธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการรวม 12 แห่ง ภายใต้ “โครงการการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” หรือโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) จากเดิมจะสิ้นสุดโครงการวันที่ 30 ธันวาคม 2560 ขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก 5 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 วงเงินโครงการรวม 25,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยสถาบันการเงินจะปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อปี ประเภทวงเงินหมุนเวียนแบบมีกำหนดระยะเวลา และสินเชื่อระยะยาว (L/T) เพื่อวัตถุประสงค์การลงทุนขยายกิจการ เช่น ขยายโรงงาน ซื้อเครื่องจักร เป็นต้น

สำหรับหลักเกณฑ์เงื่อนไขของผู้ที่สามารถใช้บริการสินเชื่อตามโครงการนี้นั้น จะต้องเป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีสถานประกอบการอยู่ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ