งานเข้า7จนท.! ยธ.ขีดเส้น30วัน สอบขรก.รื้อคดี ‘ครูจอมทรัพย์’

งานเข้า7จนท.! ยธ.ขีดเส้น30วัน สอบขรก.รื้อคดี ‘ครูจอมทรัพย์’

ปลัดกระทรวงยุติธรรม สั่งตั้งกรรมการสอบข้าราชการรับเรื่องรื้อคดี “ครูจอมทรัพย์” ขีดเส้น30วันรู้ผล ตร.จ่อออกหมายเรียก“7เจ้าหน้าที่” เข้าข่ายสมคบคิดสอบสวน ด้านศาลจ.นครพนมไม่อนุญาตประกันตัว “ครูจอมทรัพย์” หวั่นยุ่งเกี่ยวพยาน อีก2คนยังล่องหนไม่เข้ารับทราบ

ความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการขอรื้อคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนางจอมทรัพย์ พร้อมพวกในข้อหาร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล

นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาตรวจสอบในเรื่องการข้อรื้อคดี ถ้ามีประเด็นใดที่เกี่ยวข้อง และมีพยานหลักฐานชัดเจน คณะกรรมการฯเสนอมาก็จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งในส่วนของการตรวจสอบจะแบ่งเป็น 2 ส่วน เรื่องแรกเป็นเรื่องทางคดีอาญาอำนาจการสอบสวนจะเป็นของพนักงานสอบสวน ที่คาดว่าจะมีการประสานเป็นหนังสือเข้ามา ทางกระทรวงยุติธรรมก็พร้อมให้ความร่วมมือ

“ส่วนเรื่องการตรวจสอบทางวินัยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงยุติธรรมอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน ซึ่งผมให้กรอบการทำงาน 30 วัน ให้แล้วเสร็จ แล้วให้รายงานเข้ามาว่ามีบุคคลใดในกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวข้องบ้างหรือไม่” ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว

เรียกข้าราชการชี้แจงสัปดาห์หน้า
นายวัลลภ นาคบัว ผอ.สำนักกิจการยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับรื้อฟื้นคดีให้กับนางจอมทรัพย์ เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อว่าแนวทางการตรวจสอบและทำหนังสือแจ้งไปยังข้าราชการผู้ที่เกี่ยวข้องให้รวบรวมข้อมูลเตรียมนำเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการคาดว่า สัปดาห์หน้าจะเชิญเจ้าหน้าที่ทุกรายที่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดีเข้าให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามโดยจะตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ขั้นตอนการรับเรื่องร้องทุกข์ การรวบรวมพยานหลักฐาน การยื่นคำร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีและคำพิพากษายกคำร้อง นอกจากนี้จะทำข้อมูลทั้งหมดที่มีการนำเสนอผ่านสื่อมาประกอบการพิจารณาด้วย ยืนยันว่าคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบไม่ได้ตั้งธงว่าจะต้องพบคนผิดแต่ต้องการปรับปรุงระบบการรับเรื่องร้องทุกข์เพื่อขอให้รื้อฟื้นคดีอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดที่ลงพื้นที่ช่วยรื้อฟื้นคดีให้กับนางจอมทรัพย์เพื่อตรวจสอบข้อมูลในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือและเตรียมข้อมูลสำหรับชี้แจงกับกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะการเบิกงบประมาณที่ใช้ช่วยรื้อฟื้นคดีประมาณ80,000 บาทส่วนรายละเอียดในการช่วยเหลือจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20ม.ค.60ที่นางจอมทรัพย์พ้นโทษออกจากเรือนจำและมาขอบคุณศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ซึ่งในห้วงเวลาดังกล่าวศาลอุทธรณ์อนุญาตให้รื้อฟื้นคดีอาญาแล้วรอการไต่สวนพยาน

ด้านแหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า ข้าราชการดีเอสไอทั้ง7คนที่อยู่ในกลุ่มอาจถูกตำรวจออกหมายเรียกในคดีสมคบกับขบวนการของครูจอมทรัพย์เป็นชุดที่กระทรวงยุติธรรมขอตัวไปช่วยราชการหน้าห้องรองปลัดกระทรวงส่วนนายนิธิต ภูริคุปต์ อดีตผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศได้ลงพื้นที่ไปรับเรื่องร้องทุกข์และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงครั้งเดียวส่วนที่เหลือเป็นความรับผิดชอบของทีมงานหน้าห้องรองปลัดกระทรวงยุติธรรมทั้งสิ้นโดยงบประมาณที่นำไปช่วยเหลือก็ไม่ได้เบิกจ่ายจากดีเอสไอไม่ว่าจะเป็นงบคุ้มครองพยานหรือค่าจ้างทนายความ

ค้านประกันตัว‘ครูจอมทรัพย์’
วันเดียวกันศาลจ.นครพนมพิจารณาคำร้องขอยื่นประกันตัวของนางจอมทรัพย์ โดยญาติใช้หลักทรัพย์ จำนวน200,000บาท เพื่อยื่นขอประกันตัว ซึ่งนางจอมทรัพย์ ได้แถลงต่อศาลว่า ทางครอบครัวมีอาชีพมั่นคงมีบ้านพักอาศัย ไม่หลบหนีแน่นอน ยินดีจะให้การร่วมมือในการสอบสวนจึงขอคัดค้านการฝากขัง และหากเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม เกรงจะไม่มีความปลอดภัย

แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนเกรงผู้ต้องหาจะไปวุ่นวายกับพยาน ในเบื้องต้นจึงมีความเห็นไม่อนุญาตให้ประกันตัว พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันในส่วนของนายสับ วาปี และนางจันทร์ วาปี ผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพว่ารับว่าจ้างเพื่อรับผิดแทนนางจอมทรัพย์นั้นศาลได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัวคนละ100,000บาท

‘นิรันดร์-ทัศนีย์’ยังไม่รับทราบข้อหา
วันเดียวกันถือเป็นวันครบกำหนดที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม มีหมายเรียกนายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร สามีของครูจอมทรัพย์ และ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานผู้เห็นเหตุการณ์คดีขับรถยนต์ชนคนตาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแจ้งความเท็จ

โดยพล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า หากทั้ง2คนยังไม่เดินทางมารายงานตัว ก็จะออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สอง และหากไม่มาก็ขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาซ่องโจรเป็นการนำสืบชั้นคดีอาญา จากข้อมูลที่รวบรวมหลักฐานทั้งหมดซึ่งต้องมี5คนขึ้นไป จึงเข้าความผิดตามหลักฐาน

แฉ‘ครูอ๋อง’นักค้าไม้พะยูงข้ามชาติ
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของนายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋องนั้น พบว่า มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลและมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรฯได้เคยรวบรวมรายชื่อส่งให้คสช. ไปแล้ว โดยเมื่อกลางปี 2555 ขณะนั้นตนเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน จ.สกลนคร ได้นำกำลังเข้าจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตรักษาพันธุ์ฯ ภูสีฐานซึ่งมีนายสุริยารวมอยู่ด้วยแต่เมื่อเข้าไปจับกุมตัวได้ นายเจ้าตัวได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเมื่อนำตัวส่งสถานีตำรวจก็เอามวลชนมาล้อมโรงพักพร้อมทั้งข่มขู่และฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ ประกอบกับในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็มีขั้นตอนกระบวนการที่จะเข้าไปช่วยเหลือจนท้ายที่สุดต้องปล่อยตัวไป

กระทั่งปี 2557 ได้เข้ามาเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติพยัคฆ์ไพร ก็ได้ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง โดยสนธิกำลังร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้าไปจู่โจม ตรวจค้น บ้านพักของนายสุริยาแต่ในที่สุดแล้วก็มีขบวนการและกลุ่มข้าราชการในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือจนหลุดคดีออกมาอีก