เก็บตัวอย่างหินปล่องภูเขาไฟ อายุกว่า 3 ล้านปี

เก็บตัวอย่างหินปล่องภูเขาไฟ อายุกว่า 3 ล้านปี

ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เก็บตัวอย่างหินปล่องภูเขาไฟ อายุกว่า 3 ล้านปี มีทั้ง นิล เพชร พลอย ปะปน เผยมีเพียงแห่งเดียวในภาคตะวันตก พร้อมแนะนำพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ ของเด็ก เยาวชน และนักศึกษา

เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (27 พ.ย. 2560) ดร.ปริญญา พุทธาภิบาลอาจารย์ประจำสาขาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรีพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ด้านบรรพชีวินวิทยา (Paleontology)และด้านศิลาวิทยา (Petrology)จากประเทศรัสเซีย ประกอบด้วย 1.Prof. Svetlana T. Remizove from Herzen State Pedagogical University of RussiaและProf. Dmitry N. Remizova from St. Petersburg Mining University, Russia ร่วมเดินทางไปเก็บตัวอย่างหินบริเวณปล่องภูเขาไฟ พื้นที่หมู่ 1 ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เนื่องจากเมื่อประมาณสองปีก่อนเคยนำคณะอาจารย์และนักศึกษาสาขาธรณีศาสตร์ เข้ามาสำรวจแล้วครั้งหนึ่ง ผลจากการสำรวจอย่างละเอียดปรากฎว่าภายในก้อนหินนั้นมีแร่จำพวก นิล และพลอยปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ดร.ปริญญา พุทธาภิบาลอาจารย์ประจำสาขาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรีเปิดเผยว่า บริเวณนี้เป็นแหล่งหินต้นกำเนิดพลอย ที่หินทะลักขึ้นมาจากความลึกของปล่องภูเขาไฟหลายสิบกิโลเมตร จากชั้นที่เป็นเนื้อของโลกได้นำแร่จำพวกพลอย และนิล ขึ้นมาด้วย ซึ่งหินเหล่านี้มันแข็งตัวขึ้นมาจากลาวา และบริเวณโซนที่อยู่โดยรอบจะเป็นโซนของภูเขาไฟที่มีลาวาหลากขึ้นมา ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้พียงแค่แห่งเดียวของภาคตะวันตก โดยถ้าหากเราสามารถสงวนเอาไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาควิชาการ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องเข้ามาร่วมกันบูรณาการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็กๆและเยาวชนรวมทั้งนักศึกษา

โดยจากการคำนวณตัวอย่างของหินพบว่ามีอายุประมาณ 3,140,000 ปี ส่วนแร่พวก นิล จินดา พลอย ที่ผสมอยู่ในก้อนหินนั้นมีอยู่อีกจำนวนมาก และหากขุดลงไปใต้ดินอาจจะพบต้นกำเนิดของแร่ต่าง ๆ ที่สำคัญอีกมากมาย

รายงานข่าวว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าวมีเอกสารเป็นใบ ภบท.5 เนื้อที่ระมาณ 15 ไร่ เดิมทีเป็นของนายกุหลาบ โพธิแสนสุข อายุ 71 ปี ชาว อ.บ่อพลอย แต่ต่อมาเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐ ได้มายึดคืนจำนวนหนึ่งเพื่อนำที่ดินไปใช้เป็นลานจอดรถโครงการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวปล่องภูเขาไฟ

โดยนายกุหลาบ โพธิแสนสุข เล่าว่า เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา มีผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งเข้ามาพบเพื่อขอซื้อที่ดินของตนโดยให้เหตุผลว่าจำนำไปพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวปล่องภูเขาไฟ โดยเสนอราคาให้กับตนประมาณเกือบสามล้านบาท
แต่ตนก็ไม่ได้สนใจจำนวนเงินนั้น เนื่องจากคิดว่า เป็นที่ดินของตนเอง ๆไม่ต้องการขายให้ใคร เพราะต้องการที่จะสร้างให้เป็นสถานที่เรียนรู้ให้กับนักเรียนนักศึกษา แต่สุดท้ายมาถูกหน่วยงานรัฐนำป้ายมาปักตรวจยึดคืน รวมสองป้าย สองหน่วยงาน จนปัจจุบันรตนเหลือที่ดินอยู่เพียง 6 ไร่เท่านั้น