Daily Strategy (27 พ.ย.60)

Daily Strategy (27 พ.ย.60)

คาดว่าปรับตัวดีขึ้นแต่ยังเป็น Sideways

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : แม้สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยไม่สดใส เผชิญแรงขายหนักทั้งที่หลาย บจ.มี ผลประกอบการออกมาดีแม้ว่าภาพรวมทั้งหมดกำไรไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นต่ำเกินคาดเพียง 3.74%  และ Outlook ของหลายหุ้นและหลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่องในปี 2561 คาดว่าใกล้ช่วงใกล้สิ้นปีกองทุนต่างประเทศและกองทุนไทยจะทำการล็อคกำไรจากการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนระดับที่ดีมากมาตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำนักลงทุน Selective Buy ราย Sector ที่เรายังชื่นชอบ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (เน้น AMATA, WHA) กลุ่มโรงไฟฟ้า โรงกลั่น และปิโตรเคมี (เน้น IVL) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เน้น CPALL, HMPRO, COM7 เป็นต้น หุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ AMATA, TCAP, COM7, HMRPO, BGR

หุ้นเด่นวันนี้: BGRIM (Bt26.25; BUY; AWS TP Bt28.00)

  • BGRIMเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,646 MW และมีแผนจะเพิ่มเป็น 2,482 MW ภายในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 51% ในระยะเวลา 5 ปี บริษัทมี NET D/E Ratio ต่ำเพียง 1.8 หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ทำให้มีเงินลงทุนมากเพียงพอที่จะขยายกำลังการผลิตโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก เราคาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิในปี 2560 เท่ากับ 2,271 ล้านบาทและปี 2561 เท่ากับ 2,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% YoYและ 26% YoYตามลำดับ
  • Price Pattern ของ BGRIM ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal โดยหาก Price Pattern ของ BGRIM สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 28 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ ทำให้ Price Pattern ของ BGRIM กลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัว เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BGRIM คาดว่ามีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 50 บาท ทั้งนี้ BGRIM มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 26 บาท (แนวต้าน : 26.75, 27.25, 27.75; แนวรับ: 26.00, 25.50, 24.90)

ปัจจัยในประเทศ:

  • รายชื่อ ครม.ใหม่ประกาศวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีการแต่งตั้งใหม่กว่า 18 ตำแหน่ง และมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในกลุ่มบริหารเศรษฐกิจ หนึ่งใน ครม. หน้าใหม่ ได้แก่ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTT(บางกอกโพสต์)
  • นิด้าโพลเผย กว่า 45.36% ของผู้ตอบแบบสำรวจยืนยันจะไม่ใช้จ่ายแม้จะมีมาตรการช้อปช่วยชาติ โดยหนึ่งในเหตุผล ได้แก่ผลประโยชน์ทางภาษีที่พวกเขาจะได้ประโยชน์มีเพียงเล็กน้อย (บางกอกโพสต์)
  •  รายได้จากการบริการทางข้อมูลขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งแทนรายได้จากการโทรในปีนี้ : รายได้บริการทางข้อมูลจะแซงรายได้จากการโทรเป็นครั้งแรกในปีนี้โดยบริการข้อมูลเติบโตขึ้น 20% ต่อปีต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2560 รายได้ข้อมูลมือถือของผู้ประกอบการรายใหญ่ 3 รายคาดว่าจะถึงระดับ 170,000 ล้านบาทโดยมียอดธุรกรรมบนมือถือถึง 120,000 ล้านรายการในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (Bangkok Post)·     “BPP-SUPER-BGRIM-KSL-SSP”ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคโรงไฟฟ้า SPP Hybrid จำนวน 42 โครงการขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 1062.2 MW มีปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 755.3 เมกะวัตต์ คาดรู้ผลวันที่ 14 ธ.ค. 60 นี้ (ที่มา: ทันหุ้น) ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว เราเลือก BGRIM เป็น Pick of  the day จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และโอกาสเติบโตในอนาคต
  • CBG:การประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองค่อนข้างออกมากลาง ๆ ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 3/60 ออกมาลดลงYoY และQoQ สร้างความผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารและการขายเพิ่มขึ้น ทั้งที่รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งใน CLMV และจีน แต่ยอดขายในประเทศหดลง และจีนก็ยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ งวด 9M60 ยอดขายในจีนมาถึง120 ล้านกระป๋อง จากตั้งเป้าไว้ 170 ล้านกระป๋อง ส่วนปี 2561 คาดการณ์ไปถึง 300-500 ล้านกระป๋อง แต่ปัจจัยบวกที่มองเห็นคือยอดขายในอังกฤษเริ่มกระเตื้องขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2560 และคาดว่า “มีที่ยืน” ในตลาดอังกฤษ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายทางการตลาดของ CBG ที่ต้องการนำ Sport Marketing เกี่ยวกับฟุตบอลเป็นตัวบุกตลาดในอีกหลายประเทศในยุโรป เอเชียและอาฟริกาด้วย คำแนะนำ ราคาหุ้นเหวี่ยงมาก และเราคาดกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลงจาก 1.5 พันล้านบาทในปี 2559ดังนั้นนักลงทุนรอจังหวะการอ่อนตัวเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการซื้อและถือยาว
  • OISHI:เมื่อเวลาประมาณ 7.00 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเครื่องดื่มโออิชิ ของบมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการควบคุมเพลิง คำแนะนำ อาจจะส่งผลลบต่อกำลังการผลิตของ OISHI ซึ่งอาจจะไปเสริมผลบวกต่อบริษัทคู่แข่งขัน
  • Opportunity Day: BCPG, EA, LHK, AMATAV, AMATA, TTA,

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ:ปิดบวก (24 พ.ย.) ขณะที่ Nasdaqและ S&P500 ปิดทำนิวไฮ ได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก จากการที่ชาวสหรัฐฯ ได้ออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างคึกคักในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า หุ้นอเมซอน ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ความเห็น: สถานการณ์หุ้นบวกของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยเฉพาะตัว ซึ่งค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ยังคงอยู่ระดับที่อ่อนค่า DXYO ที่ 92.73 จุด นักลงทุนลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีหน้า
  • ตลาดหุ้นยุโรป:ปิดลบ (24 พ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถาการณ์การเมืองในเยอรมนี ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาทองคำ:ปรับตัวลง (24 พ.ย.) นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ช่วยสกัดแรงลบของสัญญาทองคำในระหว่างวัน
  • ราคาน้ำมันดิบ:ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี (24 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งจะมีการหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
  • ค่าระวางเรือเทกอง:บวกขึ้น 13 จุด มาที่ 1,458 จุด หรือ +0.90% เป็นปัจจัยบวกทาง Sentiment ต่อ PSL, TTA