ชี้ปรับครม.ชุดใหม่กู้ภาพลักษณ์ ต่อสายตรงพรรคขนาดกลาง

ชี้ปรับครม.ชุดใหม่กู้ภาพลักษณ์ ต่อสายตรงพรรคขนาดกลาง

นักวิชาการ ชี้ปรับครม.ชุดใหม่กู้ภาพลักษณ์รัฐบาล-ต่อสายตรงพรรคขนาดกลาง

นายยุทธพร อิสระชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า ภาพของครม.ชุดใหม่ที่มีส่วนผสมจากหลายภาค ทั้งในภาคการเมือง ผู้บริหารภาคธุรกิจ เอกชน หรือตัวแทนภาคประชาสังคม พร้อมลดสัดส่วนของทหารนั้นถือว่าเป็นไปตามที่สังคมเรียกร้อง ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ยังคงตำแหน่งเดิมในครม. ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการระบุว่า อาจจะถูกปรับเหลือเพียงตำแหน่งรองนายกฯนั้น พล.อ.ประวิตร ถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีของรัฐบาลชุดนี้อยู่พอสมควร ฉะนั้นการปรับพล.อ.ประวิตร ออกจากครม.จะมีผลต่อการเดินหน้าของรัฐบาลชุดนี้ และยังมองไม่เห็นว่า ใครจะแทนที่เพื่อเป็นจักรกลสำคัญได้

ส่วนการปรับเพิ่มภาคการเมืองเข้ามาร่วมครม.ทหารครั้งนี้ มีจุดที่น่าสนใจตรงที่นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ที่เคยเป็นอดีตนักการเมือง พรรคชาติไทยพัฒนา สะท้อนให้เห็นว่า คสช.มีความพยายามต่อสายกับพรรคการเมืองขนาดกลาง ส่วนที่ว่าหลังการเลือกตั้งพรรคการเมืองขนาดกลางจะมีโอกาสเข้าร่วมกับรัฐบาลหรือคสช.นั้น ประเด็นนี้มีความเป็นไปได้ ส่วนการดึงภาคประชาสังคมอย่างนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ก็มีเรื่องที่น่าห่วงอยู่ว่า ในอดีต เราเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง หลายคนเคลื่อนไหวอยู่ในภาคประชาสังคม พอเข้าไปทำงานการเมืองซึ่งมีข้อจำกัดพอพอสมควร

“ครม.ชุดนี้จะไม่มีเวลาช่วงฮันนีมูน เพราะความคาดหวังในสังคมมีสูงมาก จนต้องแบกรับภาระหนักโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง และนอกจากจะมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล แต่ขณะที่การแก้ไขปัญหาในหลายๆ เรื่องต้องเข้าไปแก้ในเชิงโครงสร้างอีกด้วย” นายยุทธพรกล่าว

นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การปรับให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร พ้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อาจมองได้ว่ายังเหลือตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษ หรือ ครม.ส่วนหน้าเพื่อทำหน้าที่แก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นเรียกได้ว่า หากมองในแง่ดีพล.อ.ประยุทธ์ ให้พื้นที่แก่พล.อ.อุดมเดช ได้แสดงฝีมือ

ส่วนการให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมลคล มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเพราะเป็นบุคคลที่รับทราบและเข้าใจในแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพมาตลอดอยู่แล้วจึงเชื่อว่า นโยบายด้านความมั่นคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การปรับครม.ครั้งนี้ มีการลดสัดส่วนทหารตามที่เคยระบุไว้จึงเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ เลือกคนที่คิดว่าสามารถเข้ามาทำงานแล้วมีภาพของความเป็นมืออาชีพและเป็นที่ยอมรับของสังคม