สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2560

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2560

“เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบกว่า 30 เดือน ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงช่วงปลายสัปดาห์”

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

-  เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 30 เดือนที่ 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันเงินดอลลาร์ จากความไม่แน่นอนของแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐ และบันทึกการประชุมเฟดล่าสุดที่สะท้อนว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางรายมีมุมมองที่ระมัดระวังเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อที่อาจจะยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าสมาชิกเฟดส่วนใหญ่จะประเมินว่า เฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะใกล้ๆ นี้ก็ตาม นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยบวกจากทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาค และสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน

- สำหรับในวันศุกร์ (24 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 32.68 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 พ.ย.)  

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27 พ.ย.-1 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-32.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยคงต้องติดตามสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนพ.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ข้อมูลรายได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือนต.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย. และตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3/2560 (รายงานครั้งที่ 2) นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามความคืบหน้าของการผลักดันแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐ และรายงานเศรษฐกิจการเงินประจำเดือนต.ค. 2560 ของไทย ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,695.84 ลดลง 0.79% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงประมาณ 7.18% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 53,383.97 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 553.92 จุด ลดลง 1.50% จากสัปดาห์ก่อน

- ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนในช่วงต้น-กลางสัปดาห์จากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2560 ของไทยที่ออกมาดีกว่าที่คาด ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมัน และความหวังต่อการผลักดันแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี SET Index ต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรในช่วงที่เหลือของสัปดาห์จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ และมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีน หลังทางการจีนมีมาตรการควบคุมการประกอบธุรกิจปล่อยสินเชื่อทางออนไลน์

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27 พ.ย.-1 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,685 และ 1,675 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,710 และ 1,725 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันโอเปคในวันที่ 30 พ.ย. นี้ และถ้อยแถลงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/2560 ดัชนี ISM ภาคการผลิต ยอดขายบ้านใหม่ และรายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนพ.ย.ของกลุ่มยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตของประเทศในแถบเอเชียและยุโรป