'กรมธนารักษ์' ห่วงเอกชนเมินประมูลท่าเรือร้าง

'กรมธนารักษ์' ห่วงเอกชนเมินประมูลท่าเรือร้าง

"กรมธนารักษ์" ห่วงเอกชนไม่ร่วมประมูลท่าเรือร้าง 4 แห่ง หลังยังไม่สรุปเรื่องอัตราผลตอบแทน ทำเอกชนมองไม่คุ้มค่า - เสี่ยงขาดทุน

นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะโฆษกกรมธนารักษ์ เปิดเผย ถึงความคืบหน้า กรณี กรมเจ้าท่าเตรียมที่จะเสนอเรื่องการขอเปิดประมูลท่าเรือร้างที่ยังไม่มีผู้บริหารจัดการ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ท่าเรือศาลาลอย จ.พระนครศรีอยุธยา ท่าเรือคลองวาฬ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และท่าเรือนครพนม จ.นครพนม ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) พิจารณา ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ว่า ปัจจุบันกรมธนารักษ์มีหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สิน โดยคิดผลตอบแทนจากมูลค่าทรัพย์สินที่จัดให้เช่า (ROA) ในอัตราร้อยละ 4 ของมูลค่าทรัพย์สินต่อปี ซึ่งประกอบด้วย ค่าเช่าร้อยละ 3 และค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 แต่เนื่องจากท่าเรือที่กรมเจ้าท่าจัดสร้างใช้วงเงินก่อสร้างค่อนข้างสูง ทำให้อัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดสูงมาก ส่งผลกระทบต่อการหาผู้บริหารจัดการท่าเรือ

นางสาวอมรรัตน์ กล่าวต่อว่า กรมธนารักษ์จึงได้ปรับลดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมกรณีการจัดให้เช่าท่าเรือเชิงพาณิชย์ในอัตราต่ำกว่าหลักเกณฑ์มาตรฐานที่เรียกเก็บ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการท่าเรือที่ถูกทิ้งร้างไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการมากยิ่งขึ้น ดังนี้

- กรณีการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการจะเรียกเก็บผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 0.3 ของมูลค่าทรัพย์สินต่อปี รวมกับส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 5 (กรณีมีรายได้เกินจุดคุ้มทุน) ซึ่งลดลงจากหลักเกณฑ์ปกติร้อยละ 90

- กรณีการเปิดประมูลให้เอกชนเข้าบริหารจัดการ จะเรียกเก็บผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 1.5 ของมูลค่าทรัพย์สินต่อปี รวมกับส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 5 (กรณีมีรายได้เกินจุดคุ้มทุน) ซึ่งลดลงจากหลักเกณฑ์ปกติร้อยละ 50-60

- สำหรับระยะเวลาการเช่ากำหนดไม่เกิน 30 ปี มิใช่ 5 ปี ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามขณะนี้กรมธนารักษ์ได้มอบอำนาจให้กรมเจ้าท่าไปจัดหาผู้บริหารจัดการท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ตามหลักเกณฑ์ใหม่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 แล้ว และจะมอบอำนาจให้กรมเจ้าท่าจัดหาผู้บริหารท่าเทียบเรือร้างทุกท่าตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป

รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ประกอบกับการบริหารท่าเรือสาธารณะ ปัจจุบันกรมเจ้าท่าต้องใช้เงินงบประมาณดูแลซ่อมแซมบำรุงรักษาเป็นเงินจำนวนสูงมาก และท่าเรือบางแห่งสามารถแบ่งพื้นที่บางส่วนมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อลดต้นทุนงบประมาณการดูแลได้ โดยเปิดประมูลหาเอกชนเพื่อบริหารจัดการ บำรุงรักษา และซ่อมแซมท่าเรือสาธารณะแต่ละแห่ง ขณะนี้กรมธนารักษ์ได้ขอให้กรมเจ้าท่าทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ดังกล่าวเพื่อลดภาระงบประมาณในการดูแล บำรุงรักษา เกิดการใช้ประโยชน์ท่าเรือที่คุ้มค่า โดยกรมธนารักษ์ได้พยายามผลักดันและแก้ไขปัญหาที่ติดขัด เพื่อให้กรมเจ้าท่า สามารถบริหารจัดการท่าเทียบเรือได้เกิดประโยชน์สูงสุด