แนะแก้ทุจริต 'ขรก.' ควรยื่นบัญชีทรัพย์สิน ตั้งแต่รับราชการ

แนะแก้ทุจริต 'ขรก.' ควรยื่นบัญชีทรัพย์สิน ตั้งแต่รับราชการ

คกก.ปฏิรูปทุจริต แนะใช้วิธี "ข้าราชการ" ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ตั้งแต่รับราชการ เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 24 พ.ย.60 ที่สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช. ถ.พิษณุโลก นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป.ป.ช. ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กล่าวว่า หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศแล้วคณะกรรมการปฏิรูปฯ กำลังดำเนินการจัดทำข้อสรุปเพื่อส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ในช่วงกลางหรือปลายเดือนธ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ประชาชนเห็นว่า ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น การคุ้มครองประชาชนที่จะเข้ามาแจ้งเบาะแส แจ้งข้อมูลที่เกี่ยวกับการทุจริต และมีแนวทางใหม่ในการกำหนดให้หน่วยราชการเป็นผู้ตรวจสอบและดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตก่อนอันดับแรก ไม่ใช่รอให้องค์กรตรวจสอบอย่างป.ป.ช.เข้าไปทำ ซึ่งต้องขับเคลื่อนตั้งแต่หน่วยงานให้ชัดเจนมากขึ้น หากหน่วยงานใดทำไม่ได้ก็ต้องมีมาตรการทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการต่อยอดจากที่นายกรัฐมนตรีดำเนินการเร่งรัดหน่วยงานให้ปฏิรูปให้บรรลุผล ให้ข้าราชการ หน่วยงาน ทำงานได้อย่างเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ มีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามทุจริตซึ่งบางส่วนได้บรรจุอยู่ในกฎหมายป.ป.ช.ที่สนช.กำลังพิจารณาอยู่แล้ว

นายวิชา กล่าวว่า ข้อเสนอของกรรมการปฏิรูปฯในประเด็นที่จะให้ข้าราชการต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อหน่วยงานนั้นและเก็บไว้จนกว่าจะมีเรื่องร้องเรียนหรือป.ป.ช.ตรวจสอบก็สามารถเรียกข้อมูลนั้นมาตรวจสอบ รายละเอียดจะเป็นข้าราชการระดับใดนั้นจะบรรจุอยู่ในพระราชกฤษฎีกาอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามกรรมการปฏิรูปฯเห็นว่าควรแจ้งบัญชีทรัพย์สินตั้งแต่เริ่มต้นเข้ารับราชการเพื่อที่จะได้รู้ว่ามีอย่างไรบ้าง เปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เรื่องนี้มีระบุในร่างกฎหมายป.ป.ช.แล้ว

นายวิชา กล่าวว่า กรรมการปฏิรูปฯซึ่งมีภาคเอกชนร่วมอยู่ด้วยนั้นได้มีข้อเสนอให้มีการปราบปรามการทุจริตในภาคเอกชน หรืออุดช่องว่างกรณีที่มีการให้สินบน เพราะที่ผ่านๆมานั้นมีการอุดช่องว่างกันน้อยไป ดังนั้น ต้องเข้าไปดูแลทุกภาคส่วนเข้าร่วมทำงานให้บรรลุผล เช่น กรณีการทุจริตโดยการให้สินบนนั้นได้มีมาตรการที่กฎหมายป.ป.ช.ได้กำหนดให้บริษัท องค์กรธุรกิจ มีมาตรการป้องกันการทุจริตในจุดนั้นอย่างไร ซึ่งต่อต่อยอดให้ไปให้ถึงองค์กรธุรกิจต่างประเทศด้วยในอนาคต