ศาลจังหวัดนางรอง สั่งจำคุกไม่รอลงอาญา 11ผู้บุกรุกที่สาธารณะ

ศาลจังหวัดนางรอง สั่งจำคุกไม่รอลงอาญา 11ผู้บุกรุกที่สาธารณะ

เหตุจนท.ขอคืนยังดื้อ! ศาลจังหวัดนางรอง สั่งจำคุกไม่รอลงอาญา 11ผู้บุกรุกที่สาธารณะ เผยมีทั้งกลุ่มนายทุน อดีตนักการเมืองท้องถิ่น และชาวบ้าน

ความคืบหน้า กรณีหน่วยงานภาครัฐ ได้ดำเนินการขอคืนพื้นที่สาธารณประโยชน์หนองบัว ต.ปะคำ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ จากกลุ่มนายทุน อดีตนักการเมืองท้องถิ่น และชาวบ้านจำนวน 26 ราย ที่เข้าไปบุกรุกครอบครองปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ห้องแถว อาคาร ร้านค้ารวมกว่า 30 ห้อง เนื้อที่กว่า 9 ไร่ ยืดเยื้อมานาน โดยมีการเจรจาไกล่เกลี่ยและพยายามทวงคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้บุกรุกหลายครั้งตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ แต่ไม่เป็นผล โดยกลุ่มผู้บุกรุกอ้างว่าได้ทำกินมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว แต่ไม่มีเอกสารหลักฐานมายืนยัน ทางเทศบาลต.ปะคำ ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่สาธารณะประโยชน์ จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี และยื่นฟ้องกลุ่มผู้บุกรุกตามขั้นตอน

ล่าสุดศาลจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้มีการพิพากษาตัดสินจำคุก6เดือน โดยไม่รอลงอาญา ผู้บุกรุกจำนวน11ราย หลังศาลตัดสินทั้ง11รายก็ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลเพื่อต่อสู้คดี โดยสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2559 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2560 ศาลก็ได้มีการพิพากษาตัดสินกลุ่มผู้บุกรุกที่สาธารณะดังกล่าวไปแล้วจำนวน 13 ราย โดยให้จำคุก2เดือน และปรับตั้งแต่ 2,000–4,000บาท โทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้1ปี พร้อมทั้งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง อาคาร กำแพง ออกไปจากที่ดิน และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารออกไปจากที่ดินที่ยึดถือครอบครองด้วย ซึ่งทั้ง13รายไม่ได้ยื่นอุทธรณ์หรือต่อสู้คดีแต่อย่างใด ทั้งได้ทยอยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่แล้ว

นายบุญยัง พงษ์เรื่อง ปลัดเทศบาลต.ปะคำ ระบุว่า ที่สาธารณะประโยชน์หนองบัวดังกล่าว ได้มีการออกเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) แปลงที่ บร.4459 เมื่อปี2553ที่ผ่านมาได้มีผู้เข้าไปบุกรุกถือครองทำประโยชน์ส่วนตัว26ราย หน่วยงานภาครัฐได้พยายามเจรจาพูดคุยและขอคืนพื้นที่หลายครั้ง แต่กลุ่มผู้บุกรุกก็ไม่ยอมออกจากพื้นที่ ทางเทศบาลจึงได้แจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเมื่อปี2559ได้ถูกศาลตัดสินไปแล้ว13ราย และล่าสุดเมื่อวันที่22พ.ย.60ที่ผ่านมา ได้ตัดสินจำคุกผู้บุกรุกอีก11รายโดยไม่รอลงอาญา ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างสรุปสำนวนส่งอัยการ