Cocoa Valley Resort ที่พักอารมณ์ละมุน

ลมหนาวไม่ได้เชื้อเชิญให้เราเดินทางมาที่นี่ แต่ไออุ่นจากขุนเขาและเครื่องดื่มสีเข้มในแก้วนั้นต่างหากที่หว่านล้อมให้เราออกเดินทางมาถึงอำเภอปัว จังหวัดน่าน

ทันทีที่มาถึง Cocoa Valley Resort บ้านพักของคนรักโกโก้ อะไรจะดีไปกว่าการเติมความสดชื่นด้วยเมนูช็อกโกแลตที่มีให้เลือกมากมายทั้งเครื่องดื่มและขนม รสชาติขมกลมกล่อมเจือด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของโกโก้ ช่างไปกันได้ดีกับทิวทัศน์ที่รายล้อมด้วยต้นไม้และทิวเขา

มนูญ ทนะวัง เจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้เล่าว่า ที่นี่เดิมเป็นกิจการของครอบครัว ใช้ชื่อว่า ‘ปางดอย’ สมัยนั้นยังเป็นบ้านปูนธรรมดา รับแขกที่มาพักโดยไม่มีกิจกรรมอะไร กระทั่งเมื่อเขาและภรรยาอยากกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด จึงคิดปรับเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทอย่างที่ฝันไว้

“ผมทำงานที่ชลบุรีมา 16 ปีแล้วอยากกลับบ้าน ก็เริ่มมองว่าทำอะไรดี เรามีรีสอร์ท คำถามต่อไปคือเราชอบอะไร ชอบทานช็อกโกแลต ชอบทานโกโก้ ก็เลยอยากมีร้านเกี่ยวกับช็อกโกแลตเข้ามาเสริมในรีสอร์ท เลยคิดคอนเซ็ปต์ให้มันมีธีมขึ้นมาว่า เป็นรีสอร์ทสำหรับคนรักโกโก้หรือช็อกโกแลตเหมือนเรา ก็เริ่มปรับ เริ่มให้นักออกแบบมาดู ซึ่งเราก็เลือกการรีโนเวตเพราะว่าค่าใช้จ่ายมันถูกกว่า เราไม่ได้มีทุนเยอะ”

แม้จะไม่ใช้รีสอร์ทแบบทุ่มทุนสร้าง แต่ทุกอย่างเริ่มต้นจากความรัก ทำให้ห้องพักที่นี่ถูกออกแบบให้อยู่สบายเหมาะกับการพักผ่อน พื้นที่ใช้สอยภายในห้องไม่คับแคบ มีระเบียงกว้างสำหรับออกไปนั่งเล่นรับลมชมวิว ส่วนห้องน้ำก็เป็นสัดส่วน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ คัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่นอน หมอน รวมถึงสุขภัณฑ์ต่างๆ

“ทั้งหมดออกแบบด้วยความชอบของตัวเองทั้งหมด เราเป็นคนไม่ค่อยชอบห้องที่เข้าไปแล้วเหมือนโดนล็อคด้วยสี่เหลี่ยม ก็เลยทำหลังคาให้สูง อย่างน้อยเข้าไปแล้วก็โล่งเลย ทำระเบียงให้ใหญ่สามารถมารับอากาศข้างนอกได้ เพราะเราคิดว่าเวลาพักผ่อนเราก็อยากนอนจริงๆ นอนด้วยที่นอนดีๆ ก็เลยเลือกใช้ของที่ดีหน่อย ทุกอย่างสั่งมาจากกรุงเทพทั้งหมด สำหรับห้องน้ำ สุขภัณฑ์ก็ต้องอำนวยความสะดวกเราได้จริงๆ”

ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 14 ห้อง แบ่งเป็น 5 โซน แต่ละพื้นที่จะตั้งชื่อตามโลเกชั่นของห้อง เช่น Cocoa Blue, Cocoa Green, Cocoa Brown, Cocoa Forest, Cocoa Front

“อย่าง Cocoa Blue เข้าไปในห้องแล้วจะมองเห็นท้องฟ้าชัดเจน Cocoa Green เป็นบ้านเดี่ยวปกคลุมด้วยต้นไม้มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว แล้วเราก็ทำห้องน้ำให้เป็นกระจกมองไปก็จะเจอแต่สีเขียวของต้นไม้ Cocoa Brown เป็นอาคารเดิมที่ไม่ได้ปรับปรุงมาก มีเสน่ห์ของบ้านไม้เก่า Cocoa Forest มีต้นไม้จริงสูงใหญ่ปกคลุมหมดเลย ระเบียงข้างหลังก็จะเห็นเป็นต้นไม้ ส่วน Cocoa Front เป็นห้องสแตนดาร์ดที่อยู่ด้านหน้า”

สำหรับสไตล์การตกแต่งโดยรวมจะออกไปในแนวโมเดิร์นคอนเทมโพรารีใส่ความเป็นท้องถิ่นเข้าไปในรายละเอียด เช่น หลังคาทรงจั่ว และของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้จริงภายในห้อง

“อีกธีมที่เรานำมาใช้ด้วยก็คือ ช็อกโกแลต ที่นี่จะเน้นสีน้ำตาล หลังคาก็ต้องออกเป็นสีน้ำตาล เลือกใช้ไม้ผสมปูนให้มันดูเป็นคราฟท์นิดๆ ไม่ได้เป็นโมเดิร์นจ๋า และยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ต้นไม้ทุกต้นเราจะไม่ได้ตัดโค่น แต่พยายามออกแบบให้สอดรับกัน”

ไม่เพียงอบอุ่นร่มรื่น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องก็จัดเตรียมไว้ให้ครบตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไป ที่ถูกใจเป็นพิเศษ นอกจากไวไฟและมินิบาร์ฟรีแล้วยังมีอุปกรณ์สำหรับชงชากาแฟสำหรับคอคาเฟอีนด้วย แต่ที่คนเลิฟช็อกโกแลตต้องกดไลค์ คือเมื่อเปิดตู้เย็นจะมีช็อกโกแลตขนาดพอดีคำใส่ไว้ให้ และถ้าแค่ชิมยังไม่ฟินพอ ทางรีสอร์ทมีโปรแกรมพาไปชมสวนโกโก้ที่อยู่ไม่ไกล และในเร็วนี้ๆ จะมีเวิร์คช็อปทำช็อกโกแลตบาร์และสบู่ ใครสนใจสามารถสอบถามได้

"สำหรับ Cocoa Valley เราอยากให้เป็นสถานที่ชาร์ตแบตของคนที่เหนื่อยจากการทำงาน หรือเหนื่อยจากสิ่งต่างๆ เพราะว่าเราจัดห้องให้เหมาะกับการพักผ่อน เห็นวิวภูเขา เห็นต้นไม้ เห็นธรรมชาติ ได้มาเห็นวิถีชีวิตของคนในอำเภอปัว”

“ที่สำคัญคือเราอยากเชิญชวนให้คนที่รักช็อกโกแลตแล้วก็รักโกโก้จริงๆ ได้มาเรียนรู้ว่าต้นโกโก้เป็นอย่างไร ผลเป็นอย่างไร วิธีแปรรูปเป็นอย่างไร แล้วรสชาติของช็อกโกแลตจริงๆ ที่ไม่ใช่ช็อกโกแลตตามท้องตลาดเป็นอย่างไร ผ่านวิธีการอย่างไรบ้าง อยากให้มาลองชิมเมนูที่ร้านด้วย เพราะเราใช้ช็อกโกแลตแท้ 100 เปอร์เซนต์  โกโก้ของเราปลูกแบบอินทรีย์ ปลอดสารเคมี ผลิตและแปรรูปที่ปัว ส่วนสูตรก็คิดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด อยากทุกคนได้มาสัมผัสทั้งรสชาติและบรรยากาศ” เจ้าของรีสอร์ท กล่าวทิ้งท้าย

ต่อให้ไม่ใช่ช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ การได้มานั่งละเลียดรสละมุนท่ามกลางไออุ่นขุนเขา เฝ้ามองพระอาทิตย์ขึ้นจากห้องนอน และหลับใหลไปพร้อมกับเสียงขับกล่อมของธรรมชาติ แค่นี้ก็ดีต่อใจ ได้รีเฟรชร่างกายอย่างเต็มที่แล้ว

 

(ดูรายละเอียดที่พัก Facebook : @cocoavalleyresort)