Daily Strategy (23 พ.ย.60)

Daily Strategy (23 พ.ย.60)

คาดหุ้นพลังงานรีบาวด์ตามราคาน้ำมัน

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: ยังคง Selective Buy การลงทุนสับเปลี่ยนหมุนเวียนหุ้นลงทุนอย่างมากในช่วงนี้ Direction รายกลุ่มอุตสาหกรรมที่เด่นยังเป็นหุ้นค้าปลีกที่ได้รับอานิสสงค์จากโครงการช้อปช่วยชาติ ซึ่งหุ้นเด่นที่เราชอบใน Sector นี้ได้แก่ COM7, HMPRO, CPALL ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้คาดได้รับอานิสสงค์จากราคาน้ำมันดีดกลับ หลัง EIA สหรัฐฯ รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของหสรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราแนะนำซื้อ PTT ซึ่งคาดว่าได้ผลประโยชน์โดยรวมเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่หุ้นยัง Laggard อยู่ ส่วนการเติบโตที่ดีทางเศรษฐกิจนั้น ระยะถัดไปจากกลุ่มค้าปลีกที่ได้ประโยชน์ เรายังมองว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นผู้ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจเติบโตดีตามมา

หุ้นเด่นวันนี้: ANAN (ราคาปิด 6.10 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าของ AWS 7.05 บาท)

  • เราคาดว่าจะได้เห็น Profit sharing ใน 4Q60 เป็นบวก จากการโอนรับรู้รายได้ของโครงการ JV ทั้งหมด 5 โครงการ ได้แก่ Ashton Asoke, IdeoThaPhra, Ideo O2,Ideo Q Siam Ratchathewiและ IdeoMobiBangsueซึ่งเราคาดว่าจะมีกำไรที่ 890 ล้าน ส่งผลให้ Profit sharing ทั้งปีจากขาดทุนจะพลิกกลับมาเป็นบวกที่ 419 ล้านบาท นอกจากนั้นเราคาดว่าในปีหน้า กำไรจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมี Backlog พร้อมรับรู้เป็นรายได้อยู่ในระดับที่สูง บวกกับกำไรที่รับรู้จากโครงการ JV ดังนั้น เราจึงแนะนำซื้อโดยให้ราคาเป้าหมายที่ 7.05 บาท อ้างอิง PER 11x จากกำไรสุทธิในปี 2561
  • Price Pattern ของ ANAN ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ ANAN บ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 05 บาท ทั้งนี้ ANAN มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5.85 บาท (Resistance: 6.15, 6.20, 6.25; Support: 6.05, 6.00, 5.95)

ปัจจัยในประเทศ:

  • ส่งออกเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 13.1% YoYอยู่ที่ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 13.5% YoYอยู่ที่ 1.99 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้มีดุลการค้าเกินดุลที่ 214.4 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกเติบโต 9.7% YoYอยู่ที่ 1.95 แสนล้านดอลลาร์ และนำเข้าเพิ่มขึ้น 14.6% YoYอยู่ที่ 1.83 แสนล้านดอลลาร์ มีดุลการค้าเกินดุลที่ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ส่งออกไทยเติบโตเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันแล้ว หนุนโดยอุปสงค์ในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
  • ตัวเลขรถยนต์ปิดผสมในเดือน ต.ค. ส.อ.ท.รายงานยอดส่งออกรถยนต์เดือน ต.ค. ลดลง 12% YoYอยู่ที่ 90,838 คัน เนื่องจากการปรับตัวลงในเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดออสเตรเลียและแอฟริกา ส่งออกรถยนต์ 10 เดือนแรกลดลง 6.3% YoYอยู่ที่ 940,820 คัน นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 13% YoYอยู่ที่ 68,551 คัน และยอดขายในช่วง 10 เดือนแรกปี 60 เพิ่มขึ้น 11.7% YoYอยู่ที่ 689,266 คัน หนุนโดยการแนะนำรถรุ่นใหม่และสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น (อินโฟเคสวท์)
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ปรับตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ปี 60 เพิ่มขึ้นเป็น 95 ล้านคัน จากเดิมวางเป้าหมายการผลิตไว้ที่ 1.93 ล้านคัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจาก 830,000 คัน เป็น 850,000 คัน เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศเพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น การลงทุนภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัว รวมทั้งการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ (ที่มา: เดลินิวส์) ความเห็น: สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะตัวเลข GDP ในไตรมาส 3/60 ที่เติบโต 4.3% สูงสุดรอบ 18 ไตรมาส เป็นบวกต่อกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน
  • ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. ลดลงสู่ 85.9 จาก 86.7 ในเดือน ก.ย. เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในประเทศที่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่ (ไทยรัฐ)

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงเล็กน้อย หลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมของ FED  ซึ่งแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ที่ปรับขึ้นสูงมากและอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ โดยดัชนี Dow Jones และ S&P 500 ลดลง -0.27% และ -0.08% ตามลำดับ ในขณะที่ตลาด Nasdaqได้รับผลบวกจากหุ้น Amazon ที่บวก 1% ช่วยให้ Nasdaq ปิดบวก 0.07% ในขณะที่ตลาดยุโรปส่วนปิดลบ (STOXX600 -0.27%, DAX -1.16%, CAC -0.25% ) ตามตลาดสหรัฐฯ และขาดปัจจัยหนุนหลังหมดฤดูประกาศผลประกอบการ ขณะที่ DAX ปรับลงแรงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหลัง เยอรมันยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันดิบ:WTI ปรับเพิ่มขึ้น 2.1% ที่ 58.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง จาก Stock น้ำมันของสหรัฐฯ ที่ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ประกอบกับบริษัท TransCanada จะปรับลดการส่งน้ำมันผ่านท่อ (Keystone Pipeline) ไปยังสหรัฐลง 85%  ในสิ้นเดือน พ.ย. 60 นี้ ทั้งนี้กำลังการส่งน้ำมันผ่านท่อดังกล่าวเท่ากับ 590,000 บาร์เรลต่อวัน ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นน่าจะส่ง Sentiment ทางบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้
  • ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น:02% ปิดที่ 1,293 เหรียญฯ ต่อออนซ์ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อคืนนี้ อ่อนแอกว่าคาด ทำให้ค่าเงินเหรียญฯ อ่อนค่าลง ด้านราคาสังกะสีในตลาดโลหะลอนดอน(LME) พุ่งขึ้นมา1.2% ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์จากความวิตกที่ยังมีอยู่เกี่ยวกับภาวะขาดแคลน และสัญญาเหล็กกล้าของจีนพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน
  • ค่าการกลั่น: ปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 7.46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น
  • ค่าระวางเรือ: บวกต่ออีก 17 จุดเป็น 1,413 จุด สอดคล้องกับมุมมองของผู้บริหาร TTA ที่มองว่าตลาดเดินเรือเทกองอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อ TTA, PSL