กรรมการเฟดส่วนใหญ่หนุนขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

กรรมการเฟดส่วนใหญ่หนุนขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แม้กรรมการเฟดส่วนหนึ่งยังคงมีความเห็นต่าง

"กรรการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากข้อมูลที่เราได้รับมาบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง" รายงานการประชุมระบุ

ทั้งนี้ กรรมการเฟดยังคงประเมินภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐไว้ที่ระดับเดียวกับการประเมินครั้งก่อน โดยเชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคเอกชนจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะใกล้นี้ พร้อมระบุว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากพายุเฮอร์ริเคน

อย่างไรก็ตาม กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แม้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 17 ปี ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลซึ่งเป็นตัวเลขที่เฟดให้ความสำคัญเนื่องจากสามารถบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้นเพียง 1.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ดังนั้นจึงเห็นว่า เฟดควรดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ขณะที่กรรมการเฟดอีกส่วนหนึ่งมองว่า ภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ประกอบกับนโยบายการเงินในปัจจุบันซึ่งยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลายนั้น อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างฉับพลันในวันข้างหน้า พร้อมกับเตือนว่า การประวิงเวลานานเกินไปในการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน หรือถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินช้าเกินไป อาจจะสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ

สำหรับการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

ส่วนการประชุมครั้งต่อไปของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้